กรณีชายรายหนึ่ง อายุ 48 ปี ที่ป่วยโรคระบบประสาท และขับรถกระบะพุ่งตกแม่น้ำตาปีเสียชีวิตภายในรถ เจ้าหน้าที่จึงเร่งช่วยกู้ซากรถขึ้นจากน้ำลึกกว่า 6 เมตร นักประดาน้ำดำลงไปดูซากรถ จึงทราบว่าคนขับติดอยู่ในรถ เจ้าหน้าที่กูภัยนำรถเครนมาช่วยกันดึงรถยนต์ขึ้นจากแม่น้ำตาปี ใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมงถึงจะนำศพและรถกระบะขึ้นมาได้ เพราะน้ำไหลเชี่ยวมาก
ล่าสุดวันที่ 20 ต.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุบริเวณบริเวณท่าน้ำวัดกุศลศรัทธาราม หรือวัดคุ้งยาง ในำื้นที่หมู่ 7 ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี โดยจุดเกิดเหตุเป็นท่าน้ำอยู่ติดกับวัด สภาพราวเหล็กที่กั้นพังลงมา เพราะรถพุ่งชนเข้าอย่างแรง
ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านนายวิเชนทร์ อายุ 48 ปี ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ผู้เสียชีวิต ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร บรรยากาศที่บ้านกำลังจัดงานศพ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของญาติ ๆ ช่วงเวลา 17.30 น. รถกู้ภัยนำศพเคลื่อนมาถึงบ้าน ก่อนครอบครัวจะประกอบพิธีอาบน้ำศพ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับน.ส.ชุณณ์ยมานัน หอมจันทร์ อายุ 40 ปี น้องสาวของผู้ตาย กล่าวว่า เมื่อเวลา 07.00 น. ตนและพี่ชายจะพาแม่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล แต่รถกระบะสตาร์ตไม่ติด จึงช่วยกันเข็นรถแล้วสตาร์ต โดยมีตน น้องสาวของผู้ตาย พี่ชายของผู้ตาย น้องชายของผู้ตาย และลูกของผู้ตาย เป็นคนช่วยกันเข็นรถกระบะ
ส่วนผู้ตายเป็นคนบังคับรถ พอเข็นได้ 2 ครั้ง รถกระบะก็สตาร์ตเครื่องติด ผู้ตายก็ได้ลองขับรถกระบะขึ้นไปบนถนนหมู่บ้าน ก็เห็นพี่ชายเบิ้ลเครื่องทำนองว่าลองเครื่องแล้วก็ขับรถออกไป ผ่านไปประมาณ 5 นาที ก็มีชาวบ้านโทรศัพท์มาบอกว่าพี่ชายขับรถพุ่งลงแม่น้ำ ตนก็รีบไปดูที่เกิดเหตุ และรีบโทรศัพท์แจ้งกู้ภัยมาช่วยเหลือ ในระหว่างนั้นก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะช่วยพี่ชายอย่างไร เพราะน้ำในแม่น้ำก็ไหลเชี่ยวมาก ๆ
ทั้งนี้ ตนยอมรับว่าก่อนหน้าพี่ชายนอนไม่หลับมา 2 วันแล้วจากโรคระบบประสาท รับยาและรักษาที่รพ.สวนสราญรมย์ แต่ก็ใช้ชีวิตปกติ ไม่ได้มีปัญหาอะไร เรื่องคิดฆ่าตัวตายก็ไม่น่าจะใช่ คาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากอุบัติเหตุมากกว่า และตอนที่ศพพี่ชายขึ้นมาจากน้ำติดอยู่ในรถ ยืนยันว่าพี่ชายสวมเสื้อและกางเกง แต่พอศพขึ้นมากลับไม่มีเสื้อผ้าแล้ว คิดว่าพี่ชายน่าจะทุรนทุราย ออกจากรถ ขณะที่กระแสน้ำก็พัดแรง ทำให้เสื้อผ้าหลุดไปกับน้ำ
ทีมข่าวตามไปดูรถกระบะคันเกิดเหตุ พบว่ารถกระบะด้านหน้ายุบพัง กระโปรงหน้ารถตีขึ้นไปปิดกระจกหน้า ซึ่งกระจกหน้ารถและข้างคนขับแตกเสียหาย ล้อรถด้านหน้าแตก ภายในรถยังมีคราบโคลน ตรวจสอบพบว่ารถคาอยู่ที่เกียร์ 4
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางพรทิพย์ ทองจันทร์ จิตอาสาที่มาช่วยงานวัด เล่าให้ฟังว่า เมื่อเวลา 07.40 น. ตนกำลังนั่งถอนหญ้าห่างจากจุดที่ผู้ตายขับรถมาชนราวเหล็ก ประมาณ 30 เมตร ได้ยินเสียงเครื่องรถยนต์ดังมากจนหนวกหู จึงตกใจหยุดถอนหญ้าแล้วเงยหน้ามอง พบรถกระบะขับมาอย่างเร็ว ก่อนพุ่งชนกับราวกั้นที่เป็นเหล็กจนหัก จากนั้นก็เห็นรถพุ่งขึ้นไปบนฟ้าก่อนที่จะหัวรถจะทิ่มลงกลางแม่น้ำ
หลังจากนั้น ตนจึงเรียกพระในวัดมาช่วยดู ช่วยกันแจ้งญาติ ๆ ผู้ตาย แจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วย แล้วก็มีชาวประมงแพปลาที่อยู่ใกล้กันขับเรือมาดูจุดเกิดเหตุแล้วช่วยปักธง เป็นสัญลักษณ์ว่ารถจมน้ำอยู่บริเวณนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ค้นหาได้ง่าย
"ตอนนั้นป้าตกใจมาก ได้ภาวนาขอให้หลวงปู่ทวดช่วยคุ้มครองคนในรถด้วย ระหว่างนั้นป้าก็เฝ้าดูรถจมน้ำ ก็ยังไม่มีชาวบ้านคนไหนกล้าลงไปดำน้ำช่วย เนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยวมาก ๆ ต้องรอเจ้าหน้าที่มาดำช่วย พอประมาณ 11.30 สามารถนำรถนำคนขึ้นมาได้ สภาพตอนนั้นก็เห็นว่ามีคนอยู่ในรถ กระจกรถด้านหน้าแตก กระโปรงรถยับยู่ยี่มาปิดหน้ารถ คนในรถเสียชีวิต สภาพไม่ได้สวมเสื้อผ้า"