วันที่ 18 ต.ค. 64 ช่วงเวลาประมาณ 13.30 น. ร.ต.อ.ก้องภพ ถึงแสง พนักงานสอบสวน สภ.ร้องกวาง จ.แพร่ รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตในห้องนอนของบ้าน หมู่ 3 ต.ร้องกวาง อ.ร้องกวาง จ.แพร่ ทราบชื่อ นางอุษณา กิติขู้ อายุ 41 ปี นอนอยู่บนที่นอน ห่มผ้า คล้ายคนนอนหลับ และสวมเสื้อยืดลายพรางสีเขียว กางเกงขาสั้นสีเขียว
ตรวจสอบพบว่าตามลำตัวมีรอยฟกช้ำตามร่างกายจากการถูกทำร้าย โดยเฉพาะบริเวณหน้าอก แผ่นหลังช่วงบน ลำตัว และแขนขวา แพทย์ชันสูตรเบื้องต้น คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12-15 ชั่วโมง
ล่าสุด วัทนี่ 19 ต.ค. 64 ทีมข่าวได้รับรายงานจาก ร.ต.อ.ก้องภพ ถึงแสง พนักงานสอบสวน สภ.ร้องกวาง จ.แพร่ ว่าทาง สภ.ร้องกวาง จ.แพร่ ร่วมกับชุดสืบสวน จ.น่าน สามารถควบคุมตัวนายพงศกรได้ ขณะหลบหนีอยู่ในป่าละเมาะข้างทาง พื้นที่ อ.นาน้อย จ.น่าน ซึ่งเป็นบ้านของพ่อผู้ต้องหา เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. ที่ผ่านมา
โดยนายพงศกรอยู่ในชุดเดิมที่ใส่ขณะหลบหนีออกจากบ้านที่เกิดเหตุ เสื้อยืดสีเทา เสื้อคลุมยีนส์ กางเกงวอร์มขายาว กระเป๋าสะพายข้างสีน้ำตาล และรองเท้าแตะ บอกว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาได้แอบมาหลับนอนอยู่ที่ในป่าละเมาะทั้งคืน
จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวมายัง สภ.กวางร้อง จ.แพร่ เพื่อสอบปากคำ ผู้ต้องหาได้เผชิญหน้ากับแม่ยาย ชื่อนางแหวง ปรากฏว่าแม่ยายถึงกับไม่กล้าเดินออกมาเจอลูกเขย ได้แต่นั่งดูอยู่ห่าง ๆ เพราะกลัว ซึ่งขณะนั้นนางพอตา แม่ของผู้ก่อเหตุ ที่นั่งอยู่กับนางแหวง ก็ถามลูกชายว่าไปไหน เจ้าตัวก็บอกว่า "ทำแผน" แล้วแม่ยายก็พูดขึ้นมาว่า "ศพไม่มี ยังไม่ต้องไป" เพราะเข้าใจว่าลูกเขยจะไปที่งานศพของลูกสาว จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้มีการนำนายพงศกรไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
นายพงศกรก็ถูกคุมตัวไปทำแผนในช่วงประมาณ 10.00 น. ที่เกิดเหตุ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที และระหว่างทำแผนไม่มีการรุมประชาทัณฑ์ นายพงศกรบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า วันที่ 17 ต.ค. เวลาประมาณ 20.00 น. ตนกับภรรยานั่งดื่มเหล้าด้วยกัน โดยเมียจะนั่งอยู่ในห้องใกล้ที่นอน ส่วนตัวเองจะนั่งอยู่ที่ชานหน้าบ้าน ซึ่งมองเห็นกัน 20.50 น. เริ่มมีอาการเมา ภรรยาก็รับสารภาพว่านอกใจ จึงมีปากเสียงกัน 21.00 น. ตัวเองเริ่มทนไม่ไหว จึงลุกขึ้นใช้เท้าซ้ายเตะภรรยาที่ก้น ภรรยาก็ล้มลงนั่งยอง ๆ กับพื้นปูน จากนั้นตนก็ใช้เท้าซ้ายเตะเข้าที่ข้างลำตัวขวาของภรรยาหลายสิบครั้ง จนภรรยาบอกว่า "เจ็บแล้ว พอแล้ว ยอมแล้ว" แล้วภรรยาก็นอนหงายลงไป บอกว่า "ขอโทษที่เล่นชู้" ขณะนั้นลูกยังคงนั่งอยู่ในห้องนอน และเห็นเหตุการณ์เป็นระยะ ๆ
เวลา 21.30 น. เมื่อเหตุการณ์เริ่มปกติ ตน ภรรยา และลูกก็พากันนอน ตัวเองนอนตรงกลาง ลูกสาววัย 4 ขวบนอนติดฝาผนัง และภรรยานอนขนาบข้าง ๆ ฝั่งตู้เสื้อผ้า แล้วตนก็ภรรยาก็มีอะไรกันจนหลับไป เวลา 22.00 น. ภรรยาลุกขึ้นมาบอกว่า "จุกหน้าอก หายใจไม่ออก ขอยาพาราฯ และยาคลายเส้น ช่วยหยิบยาให้หน่อย" ตนก็ตอบกลับไปว่า "มึงเล่นชู้ยังเล่นได้ ยาก็หยิบเองเลย" จากนั้นตนก็นอนหันหลังให้ภรรยา แล้วก็ไปกอดลูกแทน แล้วก็นอนหลับไป
จนกระทั่งวันที่ 18 ต.ค. เวลาประมาณ 05.00 น. ตนตื่นขึ้นมาเพื่อจะเข้าห้องน้ำ แล้วก็เรียกภรรยาให้ไปนึ่งข้าวเหนียว แต่ภรรยาไม่มีการตอบรับใด ๆ ตนจึงจับตัวภรรยาพลางเรียก รู้สึกว่าตัวเย็น และภรรยาก็ไม่รู้สึกตัว จึงรู้ว่าภรรยาเสียชีวิตแล้ว 05.30 น. ตนจึงปลุกลูกให้ลุกขึ้นมากราบเท้าภรรยา เพื่อเป็นการขอขมาและขอโทษ 06.00 น. ตนโทรเรียกแม่ให้มารับลูกไปส่งไปโรงเรียน 07.00 น. ตนก็นั่งกินเหล้าอยู่ในห้อง และนอนกอดศพภรรยาจนถึงประมาณ 11.20 น. ใช้ช่วงที่ลูกไปอยู่กับแม่ เห็นว่าไม่มีใครอยู่บ้าน จึงขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปยังบ้านของพ่อตัวเองใน จ.น่าน
จากนั้น 11.24 น. ระหว่างทางก็โทรบอกให้ญาติทราบว่าภรรยาตายแล้ว ตอนแรกตั้งใจจะโทรบอกแม่ผู้ตาย แต่ไม่มีคนรับ จึงโทรหาน้า คือนายคำสุข
หลังมีการทำแผนเสร็จ พนักงานสอบสวนจึงควบคุมตัวนายพงศกร มายัง สภ.ร้องกวาง เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ขณะที่มีการคุมตัวลงจากรถผู้ต้องขังนั้น ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีพยายามถามว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าตัวมีสีหน้าที่เคร่งเครียด เหนื่อยล้า บอกว่า "ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เมา ผมจะพูดความจริง ผมโกรธที่เมียไปเล่นชู้กับใครต่อใคร และเมียผมก็ยอมรับด้วย ผมก็เลยเตะเขาอย่างแรง เพื่อให้เขาได้ชดใช้ในสิ่งที่ทำผิดไว้ เขาก็ไม่ได้ร้องขอชีวิต แต่ร้องว่าเจ็บ พี่พอแล้ว ๆ ผมก็เลยหยุด ผมไม่รู้ว่าเมียตายตอนไหน"
ทั้งนี้ ตัวเองเตะเมียต่อหน้าลูกสาวก็จริง แต่ก็พยายามให้ลูกสาวหันหน้าไปทางอื่น บวกกับตัวเมียเองก็ยอมกอดอกให้ตนเตะ เพื่อไม่ให้มีเสียงร้องดัง ลูกจะได้ไม่ตกใจ ต่อมาเมื่อทำร้ายเมียเสร็จ ตอนนั้นเมียยังไม่ตาย ตนก็เห็นว่าหลับ จึงนอนหลับไปด้วย ตื่นเช้ามาถึงรู้ว่าเมียนอนแน่นิ่งและเสียชีวิตไปแล้ว ตัวเองก็เลยทำได้แค่นอนกอดศพเมีย แล้วก็ชวนลูกมากราบเท้าขอขมา ขอโทษศพ และบอกกับศพว่า "ขอโทษ ชาติหน้าชาติใด ขอให้เกิดมาเป็นคู่กันอีก" เหตุผลที่หลบหนี เพราะตัวเองรู้ดีหากยังอยู่ในที่เกิดเหตุ ก็จะโดนจับเข้าคุกต่อหน้าศพเมียและลูก กลัวว่าตัวเองจะทำใจไม่ได้
ตนอยากบอกกับเมียว่า "รักเหมือนเดิม อยากให้ชาติหน้า เกิดมาเป็นพ่อแม่ลูกกันอีก" และอยากขอโทษครอบครัวของเมียด้วย ส่วนตัวยอมรับผิดทุกอย่าง
บรรยากาศงานศพที่บ้านแม่ของนางอุษณา ญาติก็ยังคงรอการติดต่อจากโรงพยาบาลให้ไปรับศพมาประกอบพิธีตามศาสนา คาดว่าน่าจะเป็นพรุ่งนี้ 20 ต.ค. 64 และหลังรับศพมาแล้วจะทำพิธีสูตรถอน หรือเชิญดวงวิญญาณ นางแหวง กิติขู้ แม่ของผู้ตาย เปิดใจว่า ลูกเขยโดนควบคุมตัวมาแล้ว ส่วนตัวยอมรับความรู้สึกหนึ่งก็ดีใจ แต่อีกความรู้สึกหนึ่งก็เฉย ๆ เพราะยังไงเขาก็ฆ่าลูกสาว ส่วนประเด็นที่นายพงศกรอ้างว่าที่ก่อเหตุไป ไม่ได้เป็นเพราะเมาเหล้า แต่เป็นเพราะหึงที่เมียเล่นชู้ไปทั่วนั้น เป็นไปไม่ได้ และไม่เชื่อในสิ่งที่ลูกเขยพูดด้วย ยืนยันคำเดิมว่าสาเหตุทั้งหมดมาจากลูกเขยกินเหล้าเมา ระแวงคิดไปเองว่าเมียมีชู้ จึงลงมือทำร้ายเมีย เป็นแบบนี้มาตลอด นี่ไม่ใช่ครั้งแรก
เมื่อเดือนกันยายน 2564 นายพงศกรมาขอเงินจากผู้ตายหรือลูกสาวตน 15,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ลูกสาวเคยยืมนายพงศกรไปเมื่อ 4 ปีก่อน สมัยที่คบกันแรก ๆ แต่ลูกสาวไม่มีให้ ลูกสาวจึงมาขอตน แล้วตนก็ไม่มีให้ จากนั้นนายพงศกรเมาก็จะทำร้ายร่างกายลูกสาวตนมาเรื่อย ๆ เท่าที่ตนจำได้ก็รวมแล้วประมาณ 9 ครั้ง เพราะลูกจะมาเล่าตลอด โดยครั้งที่ 7 เมื่อประมาณต้นปี 2564 ลูกสาวตนถูกทำร้ายถึงขั้นตาบวม คิ้วแตกเย็บ 12 เข็ม เลือดอาบหน้า ลูกสาวจึงไปแจ้งความไว้แล้ว แต่สุดท้ายด้วยความที่เป็นผัวเมียกัน จึงตกลงถอนแจ้งความ
จนกระทั่งครั้งที่ 8 เมื่อประมาณวันที่ 15 ต.ค. 64 นายพงศกรก็เมาแล้วเริ่มขอเงินจำนวน 15,000 บาทจากลูกสาวตนอีกรอบ แล้วลูกสาวก็ไม่มีให้ จึงมีการทุบตีกันอีกครั้ง จนเนื้อตัวเขียวช้ำ ลูกสาวก็มาหาตน แล้วลูกเขยก็ตามมา ตนก็พยายามบอกให้ทั้งคู่เลิกเตะ เลิกตีกันบ้าง เห็นแก่ลูกน้อยวัย 4 ขวบ ตอนนั้นนายพงศกรก็รับปากเสียงใสว่า "ครับ ครับ" จึงทำให้ตนไว้ใจ แล้วก็คิดไม่ถึงว่ามันจะมีครั้งที่ 9 จนทำให้ลูกสาวตนเสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม เมื่อลูกสาวตนตายไปแล้ว กเขยเองก็ได้รับโทษตามกฎหมาย ตนจึงตั้งใจอโหสิกรรมให้ ไม่ติดใจ ปล่อยเป็นเรื่องของกฎหมาย และหากลูกเขยมีโอกาสสามารถออกมาขอขมาศพเมียได้ ตนก็ยินดี ทั้งคู่จะได้หมดเวรหมดกรรมกันไป เรื่องที่ลูกเขยบอกกับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่าก่อนหนีได้พาลูกกราบเท้าขอขมาศพ บอกว่าชาติหน้าขอให้เกิดมาเป็นคู่รักกันอีก ตนคงไม่เอาแล้ว ไม่อยากให้เขาได้มาเจอกันอีก ไม่อยากรู้จักคนนี้อีก เพราะพฤติกรรมของเขาดุร้ายเกินไป จบกันแค่ชาตินี้ก็พอ
ทั้งนี้ ก่อนตัวเองทราบว่าลูกสาวตาย ช่วงประมาณ 22.00 น. ของคืนวันที่ 17 ต.ค. 64 ตนได้ยินเสียงนกแสก 1 ตัว ส่งเสียงร้องดังกังวาล วนไปวนมาอยู่บนหลังคา ประมาณ 10 นาที จึงพยายามออกมาดู แต่ก็ไม่เห็น ตอนก็คิดในใจว่าจะต้องมีใครเป็นอะไรแน่ ๆ แล้วมันก็จริง เพราะตอนเที่ยงของวันที่ 18 ต.ค. 64 มารู้ว่าลูกสาวตัวเองตายแล้ว
นอกจากนี้ ประเด็นที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าสาเหตุที่มีการทำร้ายร่างกายภรรยานั้น เนื่องจากภรรยาบอกเองว่าเขามีคนอื่น ทีมข่าวย้อนกลับไปที่บ้านแม่ของผู้ตาย บรรยากาศยังคงเงียบเหงา สอบถามกับทั้งชาวบ้านและญาติที่รู้จักกับทางผู้ก่อเหตุและผู้ตาย ทุกคนยืนยันว่าเท่าที่รู้คือ นางอุษณาไม่ได้มีชู้ แต่เป็นเพราะนายพงศกรหลอนยาและเมาเหล้า จึงระแวงคือไปเอง
