จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กเผยแพร่ข้อมูลให้ตามหาคนร้ายที่แอบลักลอบขโมยสายรถไฟฟ้าสายสีแดง วอนให้เข้ามอบตัวเนื่องจากการกระทำดังกล่าวกระทบต่อการเดินรถไป และความปลอดภัยของรถไฟฟ้าสายสีแดง
ภาพจากกล้องวงจรปิด วันที่ 16 ต.ค. 64 เวลา 05.57 น. ชายสวมใส่เสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงยีนส์ ไม่สวมใส่รองเท้า เดินเข้าไปยังเส้นทางรางรถไฟฟ้ายังจุดทางแยกเปลี่ยนเส้นทางรถไฟ หลบขณะที่รถไฟกำลังเคลื่อนผ่าน และแอบอยู่บริเวณใกล้กับจุดที่จะทำการตัดสายไฟฟ้า นั่งพักเป็นเวลานานประมาณ 10 นาที ก่อนที่จะเคลื่อนตัวออกมา นั่งข้างรางรถไฟฟ้า ดึงตัดสายไฟฟ้า ก่อนที่จะทำการขดสายไฟฟ้าม้วนเป็นวนกลม นำขึ้นใส่บ่าเดินออกไป
ต่อมาเวลา 06.24 น. ชายสวมชุดดำได้กลับเข้ามาอีกครั้ง ลากดึงสายไฟฟ้ายาวพาดบนรางรถไฟฟ้า ลากยาวเป็นระยะทางไกลกว่า 50 เมตร
วันที่ 19 ต.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาพูดคุยกับ นายอเนก (นามสมมติ) พนักงานการรถไฟ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 16 ต.ค. 64 ช่วงเช้ามืด ตนเองเห็นข้อมูลภาพคลิปจากไลน์กลุ่มของพนักงานการรถไฟ มองว่าพฤติกรรมดังกล่าว กระทำเกี่ยวกับความปลอดภัยของการเดินรถไฟสายสีแดง
ปัจจุบันนี้ รถสายสีแดงยังทำการทดสอบการเดินรถอยู่ พนักงานทดสอบระบบ ตั้งแต่ ถานีกลางบางซื่อ-สถานีรังสิต และสถานีกลางบางซื่อ-ตลิ่งชัน ตนเองมองว่าได้รับผลกระทบกับการรถไฟและความปลอดภัยอน่างแน่นอน จึงได้ทำการโพสต์ลงโซเชียล อยากประชาสัมพันธ์ให้เกิดการจับคนร้ายได้เร็วขึ้น
ตนยืนยันว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งแรก ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4-5 แล้ว ในครั้งก่อนก็ได้มีการขโมยสายของรถไฟฟ้าเช่นกัน เพียงแต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในชั้นที่ 2 ของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดง ของช่วงสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งในพื้นเกิดเหตุนั้น ไม่มีบุคคลที่เข้าไปถึง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ในร่องของรางที่ห่างจากชานชรา ซึ่งเป็นช่วงย่านของรางที่จะเป็นการสับเปลี่ยนเส้นทาง ของรถไฟฟ้าสายสีแดง ส่วนตัวมองว่าอาจจะมีการแอบเข้าจากจุด ๆ หนึ่งที่ไม่ใช่จุดที่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำจุดอยู่ อีกทั้งถ้าหากมาจากชานชรานั้น ไม่สามารถเป็นไปได้ เนื่องจากจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนยืนประจำจุดอยู่ และตรวจสอบความเรียบร้อยอยู่ตลอด
สายไฟที่ชายรายดังกล่าวขโมยไปนั้น จากที่ตนเองทำงานอยู่มองว่าอาจจะเป็นสายกราวด์ คือสายที่เป็นการป้องกันไฟฟ้าช็อต ที่หากเกิดการรั่วไหลของไฟฟ้า หรือฟ้าผ่า กระแสไฟฟ้าจะไหลลงสู่ดิน โดยสายดังกล่าวนั้นภายในมีเป็นสายทองแดงที่สามารถเก็บเอาไปเพื่อขายได้เช่นกัน อีกทั้งตนเองเห็นว่ามีภาพปลอกสายกราวด์ ปลอกสายเส้นสีเขียว ตกอยู่บริเวณพื้นที่ของการรถไฟฟ้าสายสีแดง หลังหอควบคุมสัญญาณบางซื่อ
ส่วนตัวมองว่าคนร้ายอาจจะเป็นคนที่ไม่ใช่ชาวบ้านในพื้นที่ แต่อาจจะเป็นคนที่เคยทำงานในพื้นที่ใกล้เคียง ถ้าเป็นคนทั่วไปไม่เคยทำงานในพื้นที่ หรือคุ้นชินพื้นที่ อาจจะยากที่จะเดินตรงเข้าไปขโมยสายของการรถไฟได้ เพราะคาดว่าน่าจะรู้ทางเข้าออกที่ดี อาจจะเป็นคนที่คุ้นชินกับรถไฟฟ้าสายสีแดง
ทั้งนี้ ตนอยากฝากถึงกลุ่มวัยรุ่น โดยทางการรถไฟนั้นคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน โดยได้มีการทดสอบระบบ ทดสอบการเดินรถไฟ สอนงานพนักงาน หากเกิดเหตุการเช่นนี้ยิ่งจะทำให้เกิดความล่าช้า ต้องมานั่งปรับปรุงซ่อมแซมแก้ไขในจุดที่เสียหายใหม่ทั้งหมด เพื่อที่จะได้ให้บริการประชาชนอย่างปลอดภัยและรวดเร็ว
ส่วนสถานีกลางบางซื่อ นายสมหมาย (นามสมมติ) เจ้าหน้าที่ พาไปยังจุดที่คาดว่าเป็นจุดที่สามารถปีนป่าย ขึ้นไปยังชั้น 2 ของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดงได้ โดยจะเห็นได้ว่าจุดที่ 2 จุดดังกล่าวที่ทีมข่าวอมรินทร์ลงไปตรวจสอบนั้น มีโกดังสูงอยู่บริเวณด้านล่างของใต้ทางรถไฟฟ้า
นายสมหมาย บอกว่า ในพื้นที่เป็นกองควบคุมดังกล่าวนั้นที่มองว่าสามารถปีนจากชั้น 3 แล้วกระโดดลงมายังตอม่อ ชั้น 2 ที่จะเข้าไปยังเส้นทางรถไฟฟ้านั้นเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากมีคนอยู่สับเปลี่ยนตลอดเวลา และระยะห่างนั้นมากกว่า 1.5 เมตร เป็นระยะที่ไม่น่าจะสามารถกระโดดลงไปได้ จุดที่เป็นไปได้มากที่สุดคือโกดังอาคารชั้นเดียว สามารถนำบันไดมาวางปีน ขึ้นไปพักตรงเสากลางได้ เนื่องจากใกล้จุดที่เกิดเหตุมากที่สุด
คาดว่าคนร้ายขโมยสายยาวเกินกว่า 50 เมตร เพราะสายพวกนี้สามารถขายได้ราคา ตนเองอยากจะบอกว่าผู้ที่มาแอบขโมย คนร้ายนั้น เป็นคนที่สร้างความเดือดร้อนเรื่องของการขนส่งสาธารณะ อีกทั้งการขโมยเป็นสิ่งที่ผิด ถึงได้รับเงินเพียงแค่น้อยนิด แต่มันสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล ทั้งเรื่องของการซ่อมแซม และรถไฟฟ้าอาจจะต้องชะงักอีกด้วย
นอกจากนี้ จากการสอบถามทางการรถไฟฟ้าสายสีแดงระบุขณะนี้ ยืนยันว่า สายที่ถูกขโมยดังกล่าวนั้นไม่ทำให้รถไฟฟ้าเสียหายแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นสายกราวด์อาจจะทำให้รถไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ช้าลง อีกทั้งจะต้องทำการตรวจสอบความเสียหายว่ามีความเสียหายของสายไฟฟ้ามีความยาวเท่าใด และขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการประเมินมูลค่าความเสียหาย เบื้องต้นได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
