กรณีตำรวจ สภ.สำโรงใต้ รับแจ้งเหตุด่วนพบว่ามีชายรายหนึ่งกำลังจะกระโดดน้ำสะพานภูมิพล 2 จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบรองเท้า โทรศัพท์มือถือ บัตรเอทีเอ็ม และรถจักรยานยนต์ของผู้สูญหาย ทราบชื่อต่อมานายเจริญโชค อายุ 25 ปี หรือ ปอนด์ ชาวจ.นครนายก แต่ไม่พบตัวนายเจริญโชค หลังจากนั้นภรรยาและญาติ ๆ ของผู้สูญหายก็ได้เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ กล้องวงจรปิดบนสะพานภูมิพล 2 ยังสามารถจับภาพนายเจิญโชค ขี่รถจักรยานยนต์ขึ้นมาจอดบนสะพานดังกล่าว ก่อนตัดสินใจเดินข้ามรั้วทางเดินไปถอดรองเท้าและวางโทรศัพท์มือถือไว้คู่กับรองเท้า จากนั้นได้ปีนข้ามราวสแตนเลส ก่อนจะยกมือท่วมหัวเหมือนไหว้แม่น้ำเจ้าพระยา
ล่าสุดวันที่ 19 ต.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังสะพานภูมิพล 2 โดยสะพานมีความสูง 50 ม. ใต้สะพานมีภรรยา ลูกชายวัย 2 ปี ญาติ และเพื่อนได้มานั่งเฝ้า หวังว่าจะพบเจอร่างของนายเจริญโชค
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายคม เพื่อนผู้สูญหายอีกครั้ง กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุนายปอนด์ ขี่รถมาหาตนที่ทำงานพร้อมกับสอบถามว่าตนยังเป็นเพื่อนกับเขาอยู่หรือไม่ ซึ่งพูดย้ำ ๆ จำนวน 2 รอบ ตอนนั้นตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร เขาคงจะแวะมาส่งอาหารละแวกใกล้เคียง เพราะทำงานเป็นไรเดอร์ส่งอาหาร ขณะนั้นตนก็ยังพูดจาหยอกล้อกัน ก่อนจะขี่รถออกไป จากนั้นตนจึงได้เปิดเฟซบุ๊กดู กระทั่งเห็นว่านายปอนด์ โพสต์ข้อความเหมือนสั่งลา
เมื่อไปถึงสะพานภูมิพล ก็ไม่เห็นนายปอนด์ ขณะเดียวกันตลอดเส้นทาง ตนก็พยายามโทรศัพท์ไปหานายปอนด์ และก่อนที่จะออกไปก็ได้สอบถามนายปอนด์ว่าอยู่ที่ไหน ซึ่งนายปอนด์ก็บอกเพียงแค่อยู่ในความทรงจำ ก่อนที่ตนจะเจอชายคนหนึ่งบอกกับตนว่า เพิ่งจะเห็นนายปอนด์ กระโดดลงแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งตนได้แต่โทษตัวเองว่า ทำไมมาช้าเกินไป หากตนไปถึงก่อน นายปอนด์คงจะฟังตนและไม่คิดสั้นเช่นนี้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยอมรับว่าเสียใจที่ไปไม่ทันช่วยเพื่อน ส่วนสาเหตุตนคาดว่าน่าจะเป็นปัญหาครอบครัวและการเงิน ที่ผ่านมาตนยอมรับว่านายปอนด์ มักจะโทรศัพท์มายืมเงินจากตน แต่ช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้ตนได้ทะเลาะกับนายปอนด์ เนื่องจากทราบว่าเขายุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้เคลียร์ใจกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ช่วงหลังมานี้ตนและผู้สูญหายห่างกันมากขึ้น
น.ส.เกรซ (นามสมมติ) อายุ 23 ปี ภรรยาของผู้สูญหาย กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้ทะเลาะมีปากเสียงกันเรื่องการเงินที่ชักหน้าไม่ถึงหลัง จากนั้นสามีตัดพ้อว่าจะย้ายไปอยู่ที่อื่น สั่งให้ตนอยู่กับลูกชายวัย 2 ขวบ ต่อมาได้เก็บเสื้อผ้าใส่ในกระเป๋า จากนั้นก็ออกจากห้องเช่าไป ขณะนั้นตนไม่ได้เอะใจอะไร เนื่องจากหากมีปากเสียงกัน สามีก็มักเก็บเสื้อผ้าไปอยู่ที่อื่น ก่อนที่เพื่อนของนายปอนด์จะโทรศัพท์มาบอกว่า นายปอนด์ได้กระโดดสะพานฆ่าตัวตาย ตนยอมรับว่าตกใจมาก ๆ พี่สะใภ้ได้มารับตนและลูกชายไปที่เกิดเหตุ
ส่วนสาเหตุที่นายปอนด์ ตัดสินใจกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ที่ผ่านมา นายปอนด์ มีความเครียด มีปัญหาหลายเรื่อง ไม่ว่าจะปัญหาครอบครัว ชอบมีปากเสียงกับตน และการเงิน โดยนายปอนด์ ขอให้ตนออกมาจากงานเพื่อเลี้ยงลูก ทำให้เขาทำงานคนเดียว อาจทำให้กดดันจนคิดสั้นหรือไม่ สำหรับตนคบหากับนายปอนด์ได้ 3 ปีแล้ว มีลูกชายด้วยกัน 1 คน ลักษณะนิสัยเขาเป็นคนที่เงียบ ๆ แต่อารมณ์ร้อน ขณะเดียวกันสามีก็ไม่เคยมีพฤติกรรมอยากจะฆ่าตัวตายมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ตนอยากบอกนายปอนด์ว่าไม่สงสารลูกบ้างเหรอ ทำไมมีอะไรไม่ปรึกษากันและช่วยกัน ตอนนี้อยากให้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยค้นร่างของสามี เพราะตั้งแต่ช่วงเช้าหลังจากเกิดเหตุยังไม่มีใครลงไปค้นหา ตำรวจได้แต่บอกให้รอ หากเจอแล้วจะแจ้งให้ตนทราบ ทั้งนี้ ตนยังคงมีความหวังว่าสามีอาจจะรอด แม้ว่าโอกาสจะเป็นไปได้น้อยก็ตาม
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้ตรวจสอบเฟซบุ๊กผู้สูญหาย พบว่าก่อนเกิดเหตุได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “สุดท้ายก็รู้แล้วว่า คนอย่างกูมันม่สมควรยุ ไห้คนไนครอบครัวลำบาก จะยุไปก็ม่มีไรดี แม่งเหนื่อยสุด ๆ กะชีวิตรละ บัตร ATM ยุไต้เบาะรถนะ”
น.ส.พลอย (นามสมมติ) อายุ 32 ปี พี่สาวผู้สูญหาย เปิดเผยว่า ก่อนที่น้องชายจะกระโดดสะพาน เขาได้วิดีโอคอลมาหาตน คล้าย ๆ กับจะสั่งลา บอกรัก ให้ตนดูแลตัวเองดี ๆ และฝากดูแลครอบครัวของเขาด้วย ขณะนั้นตนไม่ได้เอะใจอะไร ก่อนเขาจะวางสายกันไป เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง เพื่อนของน้องชาย โทรศัพท์มาบอกว่านายปอนด์กระโดดสะพานภูมิพล ตอนนั้นตกใจมากจึงรีบขี่รถจักรยานยนต์ไปรับน้องสะใภ้และหลานไปยังจุดเกิดเหตุ เมื่อไปถึงก็ไม่พบเจอตัวนายปอนด์ ส่วนข้าวของและรถจักรยานยนต์ของนายปอนด์นั้น ตำรวจได้นำไปที่สภ.แล้ว ตนได้แต่ยืนมองหาน้องชายในน้ำ แต่ก็ไร้วี่แววของนายปอนด์
ขณะนั้นตนยังไม่เชื่อว่านายปอนด์ จะคิดสั้น ในใจคิดว่านายปอนด์ ยังไม่กระโดดลงไป จนได้เห็นคลิปวิดีโอที่นายปอนด์ กระโดดลงไป ก็ทำให้ตนทำใจไม่ได้ แต่ยังมีความหวังว่าน้องชายอาจจะรอดชีวิต หรือเขาอาจจะว่ายน้ำไปที่ตลิ่งหรือไม่ ส่วนสาเหตุที่นายปอนด์ ตัดสินใจคิดสั้นนั้น น่าจะเครียดปัญหาหลายอย่างที่รุมเร้า ตนมองว่าเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ ที่ผ่านมาน้องชายก็ไม่มีพฤติกรรมเช่นนี้มาก่อน
อย่างไรก็ดี ตนยอมรับว่านายปอนด์ มีปัญหาด้านการเงิน และเขาก็มักจะโทรศัพท์มาขอยืมเงิน ซึ่งตนก็ช่วยเหลือ เพราะเขานำไปจุนเจือครอบครัว ตอนนี้นายปอนด์เป็นหนี้ 6,000 บาท ซึ่งเขาจะยืมทีละนิด ตนเข้าใจว่านายปอนด์ ทำงานคนเดียว ชักหน้าไม่ถึงหลัง และนายปอนด์ทำงานหนัก หลังเลิกงานก็จะขี่รถส่งอาหารเพื่อหารายได้เสริม