จากกรณีที่คลิปกล้องวงจรปิดที่มีคนขับรถมาแล้วถอยรถเข้าชนท้ายรถอีกคัน ที่จอดขวางทางหน้าร้าน จนได้รับความเสียหาย และดูเหมือคู่กรณีจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ผู้สื่อข่าวได้ลงไปยังพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว
นางเมตตา อนุไชย์ อายุ 47 ปี เจ้าของร้านของชำและเจ้าของคลิป เล่าถึงเหตุการณ์วันเกิดเหตุว่า ตนเองกำลังวุ่นอยู่กับการขายของอยู่ แต่ก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างบ้านอยู่เหมือนกัน เห็นน้องได้ขยับรถแล้ว
จากนั้น ได้ยินเสียงรถถอยมาชนกันแล้ว เหตุการณ์นี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่เกิดแบบนี้และแรงสุด ปกติก็จะมีปัญหากับร้านข้างบ้านเป็นประจำบ่อย ๆ ในเรื่องที่จอดรถ ซึ่งตนเองก็มักจะบอกลูกค้าเป็นประจำว่าอย่าไปจอดรถตรงนั้น ให้ขยับมาจอดที่หน้าร้านตน ซึ่งมักจะเจอบ่อย ๆ ในเรื่องที่จอดรถ
บางครั้งลูกค้าที่มาจอดรถแล้วไปจอดที่หน้าร้านอาหารตามสั่ง ก็มักจะโดนต่อว่า บางครั้งก็เอาน้ำล้างจานสาดใส่รถบ้าง แต่ที่ถอยมาชนแบบนี้เพิ่งเจอครั้งแรก รู้สึกเบื่อหน่ายกับเหตุการณ์เรื่องที่จอดรถแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างไร หากถึงที่สุดแล้ว คงต้องย้ายร้านหนี เหมือนเจ้าของร้านคนเก่าเขาก็ย้ายหนีเหมือนกัน
ส่วนนายประสิทธิ์ ครูศรี คู่กรณี เจ้าของร้านอาหารตามสั่งที่อยู่ติดกัน กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนเองกำลังขายของอยู่ พื้นที่หน้าร้านได้ทำให้เป็นที่จอดรถสำหรับลูกค้าได้ 2 คัน และในวันเกิดเหตุ พอดีตนเองต้องรีบไปส่งอาหารที่ลูกค้าสั่ง และได้ไปเอารถที่จอดอยู่หลังร้านขับมาด้านหน้าร้าน เพื่อที่จะมาเอาอาหารที่ลูกค้าสั่งไปส่ง
เมื่อขับมาถึงหน้าร้าน ก็กำลังจะขยับรถให้พอดีกับที่จอดรถเผื่อที่ไว้ให้กับรถลูกค้าที่จะมาจอดด้วย และได้ถอยไปชนโดยท้ายรถของคู่กรณีพอดี หากตนเองตั้งใจถอยชนแบบที่เป็นข่าวในโลกโซเชียลคงไม่ถอยชนแค่ครั้งเดียว ซึ่งก่อนหน้านี้ทางตนเองและภรรยาก็ได้บอกกับเจ้าของรถว่าจะมีรถมาจอด และให้ขยับรถให้ด้วย
ตนอยากขอความเห็นใจ มันเป็นอะไรที่น่าเบื่อ ขายของก็ต้องมีที่จอดรถให้ลูกค้า แต่ร้านค้าด้านข้างดันมาทำเป็นเต็นท์ล้ำทาง จนไม่เหลือที่ให้ลูกค้าของตัวเองจอด วอนแขวงการทางเข้ามาดูแลเรื่องการล้ำทางหลวงไหล่ทางด้วย เป็นปัญหาโลกแตกเรื่องที่จอดรถ อีกอย่างรถของคู่กรณีก็จอดผิดเลนด้วย ส่วนของการชดใช้ค่าเสียหายนั้น ตนเองก็ยินดีจะชดใช้ให้ โดยให้เป็นคำสั่งศาลว่าจะต้องชดใช้อะไรบ้าง
