สองแม่ลูกหายลึกลับแชตบอกช่วยด้วย ผัวเผยโอนเงินหาย 1.5 ล้าน เก๋งปริศนาโผล่ (คลิป)

จากกรณีเฟซบุ๊ก ฎตัวน้อยแสนซน ชอบกินลูกอมเป็นประจำ" ได้โพสต์ภาพ พร้อมกล้องวงจรปิดและระบุข้อความว่า "ประกาศคนหายนะคะ น้องสาวกับลูกชายค่ะ ติดต่อไม่ได้วันนี้เวลา 15.30 น. ใครพบเห็นที่ไหนแจ้งกลับด่วนด้วยนะคะ น้องสาวไม่สบายพึ่งออกรพ.ค่ะ ติดต่อเบอร์ 063-0270444 นะคะ จากภาพช่วงเวลา 13.44 เดินไปห้องน้ำ 13.49 เฟรนเดอร์วิ่งตามไป หายไปแล้วติดต่อไม่ได้"

โดยทราบว่าบุคคลที่หายไป 2 คนคือ นางสาวสุพิตร แก้วเก็บคำ หรือ พิต อายุ 33 ปี หายไปพร้อมกับลูกชายคือ เด็กชายปิยะภักดิ์ กุลชศิลป์ หรือ เฟรนเดอร์ อายุ 4 ปี

วันที่ 16 ต.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ พื้นที่ ซ.แม่ละออง 1 แขวง และเขต บางบอน กทม. ซึ่งเป็นลักษณะโรงประติมากรรมขนาดใหญ่ และด้านหลังเป็นบ้านของผู้สูญหายเอง จุดที่คาดว่าน่าจะออกไปเป็นประตูหลังโรงหล่องานประติมากรรม จุดนี้มีกล้องวงจรปิดแต่ไม่สามารถใช้งานได้

นายพุภธิพงษ์ กุลชศิลป์ สามีผู้สูญหาย เล่าว่า วันที่ภรรยาและลูกชายคนเล็กไป 13 ต.ค. 64 หลังจากที่เวลา 12.00 น. ตนเองพาลูกทั้ง 3 คน พร้อมภรรยาไปรับประทานอาหารกลางวัน และกลับมาที่โรงงานในเวลาประมาณ 13.10 น. ตนเองเข้าไปดูงานเททองภายในโรงงาน ส่วนภรรยาขึ้นไปบนออฟฟิศ

ต่อมาเวลาประมาณ 13.40 น. ภรรยามาบอกตนเองว่าเดี๋ยวมา ตนเองไม่ได้เอะใจ เพราะกำลังยุ่ง โดยมาทราบภายหลังจากกล้องวงจรปิดว่าคล้ายมีคนมาส่งของด้านหลังโรงงาน และติดต่อผ่านทางภรรยา และภรรยาจึงเดินออกไปหลังโรงงาน ผ่านไปไม่นาน น้องเฟรนเดอร์ ลูกชาย จึงวิ่งตามไป โดยขณะนั้นตนเองก็ไม่เห็น เพราะกำลังยุ่งกับงาน ผ่านไปจนกระทั่งช่วงเย็น ลูกสาวคนกลางมาถามหาแม่ ตนเองก็คิดว่าภรรยานอนพักผ่อนภายในบ้าน ไม่ได้เอะใจ แต่ลูกบอกว่าไปดูในบ้านแล้วไม่เจอ

ตนเองหาภรรยาไม่เจอ จึงไปตรวจสอบที่โทรศัพท์มือถือ ภรรยาส่งไลน์มาหาว่า "ช่วยด้วย" ตั้งแต่เวลา 15.36 น. ตนเองโทรกลับเวลาประมาณ 19.23 น. แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ และเบอร์โทรศัพท์ก็ไม่สามารถติดต่อได้ กระทั่งเวลา 20.00 น. ตนเองและครอบครัวภรรยา เดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สน.บางบอน

วันต่อมา จึงทราบว่ามีกล้องวงจรปิดภายในซอยข้างโรงงาน สามารถจับภาพรถต้องสงสัยได้ 2 คัน โดยเวลาใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่กล้องวงจรปิดภายในโรงงานสามารถบันทึกเหตุการณ์ได้

กระทั่งตนเองมาตรวจสอบเงินภายในบัญชี ซึ่งเป็นชื่อบัญชีของภรรยาทั้ง 3 บัญชี แต่เป็นเงินธุรกิจของตนเอง ที่ได้รับโอนมาจากลูกค้า จำนวน 2 ล้านบาท เงินหายไปหลักล้านบาท โดยพฤติการณ์คือคล้ายกับว่ามีการบังคับข่มขู่ให้กดเงิน และโอนเงิน เพราะมองว่าเป็นไปไม่ได้ ที่จะมาโอนเงินภายในวันที่ 13 ต.ค. 64 วันเดียว 10 ครั้ง ไปหาชื่อชายคนหนึ่ง ตนเองไม่รู้จัก จำนวนกว่า 500,000 บาท และยังมีการกดเงินสดออกจากตู้เอทีเอ็มที่ จ.สมุทรสาคร อีก 10,000 บาทด้วย คาดว่ามีคนมาอุ้มตัวไป

ตอนนี้ตนเองเป็นห่วงลูกชายมาก เพราะยังเล็กอายุเพียง 4 ปี และติดพ่อมาก ตอนนี้ไม่รู้เป็นตายอย่างไร ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งไล่ล่า กล้องวงจรปิดอยู่ และทราบตัวผู้ต้องสงสัยแล้ว

ตนยืนยันตนเองไม่เคยมีคู่ขัดแย้ง ไม่เคยมีเรื่องราวกับใคร ภรรยาเองก็เป็นคนอารมณ์ดี ไม่ดุด่าใคร และไม่มีการติดการพนัน ไม่มีเรื่องชู้สาวแน่นอน ยืนยันว่าตนเองกับภรรยาอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดเวลา มีเพียงเมื่อประมาณ 5 วันก่อนหน้านี้ ภรรยาเข้าโรงพยาบาล เพราะติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ ตนเองอยากจะบอกกับคนที่พาตัวภรรยาไป ในฐานะลูกผู้ชายว่าพาทั้ง 2 คนไปทำไม เพราะอะไร หากต้องการเงินก็บอกมา ตนเองแลกได้ก็แลก ตนเองสงสารลูก ถ้าเป็นคนไทยด้วยกันก็อย่าทำแบบนี้เถอะ กรรมมันจะตามสนอง อยากให้ติดต่อตนเองมา ตนเองอยากทราบสาเหตุและเหตุผลว่าเกิดจากอะไร ทำไมถึงทำแบบนี้ "ขอลูกกับภรรยากลับคืนมา ส่วนเงินจะเอาไปก็เอา"

นางนวนจันทร์ แก้วเก็บคำ อายุ 54 ปี และนางสาวสุนันท์ แก้วเก็บคำ อายุ 31 ปี แม่และน้องสาวของผู้สูญหาย เล่าว่า ก่อนพิตและน้องเฟรนเดอร์ หายไป ตนเจอกับพิตครั้งสุดท้าย คือช่วงบ่าย กระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. ก็ติดต่อพิตไม่ได้ ไม่ทราบว่าหายไปไหน กระทั่งสามีของพิตบอกว่าพิตหายไป พร้อมส่งไลน์มาหาสามีว่า "ช่วยด้วย" จากนั้นติดต่อไม่ได้อีกเลย ที่ผ่านมาพี่สาวนิสัยดีมาก เป็นคนสุภาพ ไม่เคยมีปัญหากับใคร หรือมีความเครียดอะไรเลย เพราะอยู่กับลูกและสามีตลอดเวลา ไม่ทราบว่ามีปัญหาหนี้สินหรือไม่ เลิกงานในโรงงานก็อยู่กับลูก ไม่มีท่าทีว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

หลังจากที่ทั้ง 2 คนหายไป ตัวเองก็ได้แต่มานั่งรอที่โรงงาน กินไม่ได้นอนไม่หลับ และเป็นห่วงทั้งสองคนมาก เบาะแสเท่าที่ทราบจากตำรวจ คือมีการกดเงินที่ จ.สมุทรสาคร แต่ไม่ทราบรายละเอียด