กรณีผู้ใช้แอปพลิเคชันติ๊กต็อก (TikTok) @nice2515 เผยแพร่คลิปวิดีโอขณะที่พนักงานทาสีบนตึกสูง กำลังโรยตัวลงมาจากด้านบนคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง แต่กลับลงไม่ถึงพื้นเนื่องจากเกิดปัญหาบางอย่าง จึงต้องขอผ่านห้องของลูกบ้านคนหนึ่ง เพราะว่าเชือกที่โรยตัวลงสู่พื้นถูกตัดออกไปบางส่วน ทำให้ต้องรีบเอาชีวิตรอดด้วยวิธีดังกล่าว
ทั้งนี้เจ้าของคลิปวิดีโอ ระบุข้อความว่า "มีคนตัดเชือก เขาเลยทำงานต่อไม่ได้ น่าจะเป็นห้องข้างล่างที่ตัดโดยไม่มองว่ามีคนทำงาน คิดว่าใครหย่อนเชือกไป ช่างบอกกลัวมากไปต่อไม่ได้แล้ว ขออนุญาตหยุดและผ่านห้องเราได้ไหม เฮ้อ...คนตัดก็ไม่แหกตาดู กลัวไม่เข้าเรื่อง"
ล่าสุดวันที่ 15 ต.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางมายังคอนโดดังกล่าว ย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี ลักษณะเป็นคอนโดสูง 32 ชั้น โดยน.ส.ประไพรวรรณ เสตสิงห์ อายุ 49 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์และเป็นเจ้าของคลิป เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 ต.ค.64 เวลา 11.00 น. ตนกำลังนั่งเล่นพักผ่อนอยู่ในห้องกับสามี โดยสามีนั่งทำงานอยู่ แต่เหลือบไปเห็นช่างทาสีโรยตัวลงมาขอความช่วยเหลือ ขณะนั้นไม่ได้เอะใจอะไร ตนจึงหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ เพราะตนชอบถ่ายคลิปลงบนแอปพลิเคชันติ๊กต็อก (TikTok) กระทั่งช่างทาสีทำท่าพยักหน้าเรียกเพื่อขอความช่วยเหลือ
ขณะนั้น ตนไม่ทราบว่าเขาถูกตัดเชือก และยอมรับว่ากลัวอาจจะเป็นมิจฉาชีพ ประกอบกับเป็นบุคคลแปลกหน้า จึงเดินไปที่ประตูระเบียงเพื่อจะล็อก เมื่อเดินไปที่ประตู เขาก็ได้ตะโกนขอความช่วยเหลือ โดยขออนุญาตเดินผ่านห้องออกไปทางเดินได้หรือไม่ ตนจึงสอบถามเหตุผลจึงทราบว่าเชือกที่ผูกกับอุปกรณ์เซฟตี้และเชือกที่ผูกกับที่นั่งถูกตัดออกไป ซึ่งตนก็เห็นว่าเชือกขาดจริง ๆ ขณะนั้นเขาพูดไม่ชัด และตนเห็นว่าเชือกถูกตัดจริง ตนจึงปรึกษาสามีว่าจะให้เขาเข้ามาหรือไม่ โดยสามีบอกให้เขาเข้ามาที่ระเบียงก่อนก็ได้
เมื่อเขาปีนเข้ามาที่ระเบียงได้ อยู่ในสภาพที่หวาดกลัว ขาสั่น พร้อมกับบอกว่าไม่กลัวความสูง แต่พอมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็รู้สึกหวั่น ๆ ตนจึงไม่ทราบว่าเขาปีนมาตั้งแต่ชั้นที่เท่าไร คอนโดดังกล่าวมีความสูง 32 ชั้น ขณะเดียวกันตนสอบถามหัวหน้าของเขา จึงรู้ว่าหลังจากที่โรยตัวลงมาถึงชั้นที่ 30 ก็รู้สึกว่าเชือกตึง ๆ เหมือนคนด้านล่างดึงเอาไว้
อย่างไรก็ดี ตนคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาโชคดีมากที่ตนอยู่ในห้อง ไม่ได้ออกไปไหนหรือไปทำธุระ ไม่อย่างนั้นอาจเกิดเหตุไม่คาดคิดได้ ประกอบกับบรรยากาศขณะนั้นปกติ ไม่มีลมแรง นอกจากนี้ นิติบุคคลได้โทรศัพท์บอกให้ห้องล่างสุดถึงห้องชั้นที่ 25 ให้ช่างคนดังกล่าวผ่านได้ แต่ยังไม่โทรศัพท์เข้ามาที่ห้องของตน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตำรวจกำลังสืบหาคนตัดเชือก คาดว่าน่าจะเป็นชั้นที่ 21 ซึ่งตนก็ไม่ทราบสาเหตุ อาจจะเกิดจากการเข้าใจผิดว่ามีโจรเข้ามาในห้องหรือไม่ จึงได้ตัดเชือกทิ้ง ทั้งนี้ ตนทราบว่าหัวหน้าของช่างทาสีจะดำเนินคดีคนที่ตัดเชือก ซึ่งตนก็เข้าใจ เพราะเชือกเส้นหนึ่งก็ราคาแพง คาดว่าเส้นละ 3 หมื่นกว่าบาท และชีวิตของคนอีก 1 คน
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสอง สัญชาติเมียนมา อายุ 21 ปี ผู้เสียหาย และนายสุทิน ทองบุญ อายุ 46 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า พวกตนได้โรยตัวมาจากชั้น 32 เมื่อโรยตัวได้ 2 ชั้น รู้สึกว่าเชือกหนักผิดปกติ จึงก้มลงไปดู พบว่ามีมือโผล่ของมาจากระเบียง คาดว่าชั้น 21 ดึงเชือกของตนเข้าไป โดยเป็นเชือกเซฟตี้ และเชือกที่นั่ง ก่อนจะตัดทิ้ง
ขณะนั้นตนยอมรับว่าตกใจมาก ๆ และรู้สึกผวา ก่อนจะตะโกนบอกให้นายสุทิน และนายจ้างช่วยเหลือ โดยให้นายสุทิน เคาะห้องของลูกบ้านเพื่อจะขออนุญาตเข้าไปยืนที่ระเบียง ก่อนที่จะได้รับความช่วยเหลือจากลูกบ้านชั้นที่ 26 โดยได้ตะโกนบอกว่า "พี่ผมถูกตัดเชือก ขอเข้าระเบียงบ้านพี่ได้ไหม ซึ่งเขาใจดีมาก ให้ผมเข้าไปในห้องได้ครับ"
ทั้งนี้ เมื่อตนเข้าไปที่ระเบียงห้องของลูกบ้านชั้น 26 จึงกล่าวขอบคุณ พร้อมกับโล่งใจที่รอดชีวิต ซึ่งขณะนั้นยอมรับว่ามีความคิดว่าอาจจะไม่รอด ส่วนตัวแล้วไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตนมาทำงานเป็นช่างซ่อมผนังรั่วซึม 4-5 ปี ยอมรับว่ามีความชำนาญ หากจะโรยตัวต้องตรวจสอบว่าเวลาโรยตัวแล้วด้านล่างเชือกไปติดกับอะไรหรือไม่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตกใจและทำให้เสียขวัญมาก ๆ
สำหรับค่าแรงตนได้วันละ 800 บาท หากปีนตึกสูงมากกว่า 32 ชั้น ก็จะได้ค่าเสี่ยงภัย แต่ตนยังไม่เคยโรยตัวเกิน 32 ชั้น และมีประกันอื่น ๆ แต่หากหล่นลงมาจริงตนมองว่าไม่คุ้ม เพราะต้องการมีชีวิตรอด อย่างไรก็ตามคาดว่าน่าจะรู้ตัวคนตัดเชือกแล้ว ต้องรอการตรวจลายนิ้วมือ และหากตนได้พบเจอเขา ตนก็อยากจะบอกว่า "อย่าไปทำแบบนี้กับใคร อาจอันตรายถึงชีวิต และอยากให้รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นครับ"
ภายหลังทีมข่าวได้พูดคุยกับน.ส.วริยา สวัสดิ์วิมล อายุ 34 ปี นายจ้าง กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนอยู่บนดาดฟ้า เพื่อคอยดูเชือกและคอยส่งอุปกรณ์ให้กับลูกจ้าง ต่อมานายสอง และนายสุทิน ได้โรยตัวลงไปเพื่อจะไปซ้อมผนังรั่วซึมให้กับลูกบ้านชั้น 20 และชั้นที่ 26 แต่พอนายสอง ลงไปได้เพียงชั้น 30 กลับตะโกนแจ้งว่าถูกตัดเชือก ตนยอมรับว่าตกใจมาก ๆ เพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ จึงตั้งสติและบอกให้เขาเคาะผนังห้องของลูกบ้าน เพื่อจะขอเข้าไปยืนที่ระเบียง กระทั่งโชคดีมีลูกบ้านชั้น 26 ให้ผ่านเข้าไปได้ หากไม่เช่นนั้นนายสอง อาจจะแย่ นอกจากนี้ ตนยอมรับว่าภายหลังจากเกิดเหตุ นายสอง ยังเกิดความกลัวและหวาดระแวง
โดยเชือกที่ถูกตัดนั้น มีความยาว 200 ม. จะทบครึ่ง เหลือเพียง 100 ม. เส้นหนึ่งเป็นเชือกเซฟตี้ อีกเส้นหนึ่งเป็นที่นั่ง โดยที่นั่งจะมีตัวล็อก หากจะลงไปด้านล่างก็ปลดล็อกเหล็กที่ยึดที่นั่งกับเชือก แต่ไม่สามารถดึงกลับขึ้นไปบนตึกได้ หากจะลงต้องโรยตัวลงมาเท่านั้น
ทั้งนี้ ตนมาทราบภายหลังว่าผู้ก่อเหตุได้ตัดเชือกทั้ง 2 เส้นที่อยู่ด้านล่างชั้น 21 โดยเชือกที่ถูกตัดทิ้งมีความยาว 70 ม. ทำให้นายสอง โรยตัวลงไปด้านล่างไม่ได้ ซึ่งเชือกเส้นดังกล่าวมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 12 มิลลิเมตร หากจะตัดต้องใช้อุปกรณ์มีคมเท่านั้นที่จะสามารถตัดได้ และเชือกดังกล่าวมีความทนทานมาก สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 1,000 ตัน โดยเส้นหนึ่งราคา 3 หมื่นกว่าบาท
ขณะเดียวกันนายสอง เพิ่งเข้ามาทำงานกับตนได้ไม่ถึงปี แต่ก่อนหน้านี้ เขาเคยทำงานด้านนี้มาก่อน ตนให้ค่าแรงวันละ 800 บาท หากสูงเกิน 32 ชั้น จะมีค่าแรงเพิ่มให้อีก ส่วนค่าเสี่ยงภัยจะเป็นประกันชีวิต อย่างไรก็ตาม ตนตัดสินใจแล้วว่าจะดำเนินคดีกับผู้ที่ตัดเชือก เพราะชีวิตของคน ๆ หนึ่งนั้นมีค่า และตนก็อยากจะสอบถามว่า "ตัดเชือกทำไม อย่าไปทำแบบนี้กับใคร หากจะตัดเชือกอะไร ก็ควรดูให้ดีก่อนไหมว่า เขาทำงานอะไรกันอยู่"
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยังตำรวจ สภ.ปากเกร็ด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ขณะนี้พอจะรู้ตัวผู้ต้องสงสัยที่ตัดเชือกแล้ว ทราบชั้นที่อาศัยและเลขห้อง จึงอยู่ระหว่างการเรียกมาให้ข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้นและทำไปทำไม ส่วนข้อหานั้นอยู่ระหว่างการพิจารณา เพราะจะต้องดูที่เจตนาของผู้ก่อเหตุด้วย
