จากกรณีอาของเด็กสาว 17 ปี ที่ถูกพ่อข่มขืนนาน 5 ปี ได้เปิดบัญชีขอรับบริจาคเงินช่วยเหลือเด็กสาว จนกระทั่งเป็นกระแสวิจารณ์อย่างหนัก เมื่ออาของเด็กสาวนำเงินบริจาคไปซื้อรถยนต์กระบะคันใหม่ โดยเด็กสาว 17 ปียืนยันว่าตัวเองเป็นคนอยากได้รถคันนี้เอง (อ่าน :
เปิดใจ เด็ก 17 ถูกพ่อย่ำยี 5 ปี ป้อง “อา” ฮุบเงินนับล้านซื้อรถ-เจ้าตัว ยอมถอย โอนคืน)
วันนี้ 1 พ.ย. 61 ที่ธนาคารออมสิน สาขา โรบินสัน สกลนคร ซึ่งอากุหลาบ สามีอากุหลาบ และน้องเอ ได้เข้าไปเปิดบัญชีใหม่ให้กับน้องเอ พร้อมโอนเงินจากบัญชีธนาคารออมสินเดิม ซึ่งเป็นชื่อของสามีอากุหลาบ พร้อมกับโอนเงินจำนวน 700,000 บาท เข้าบัญชีใหม่ของน้องเอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย
โดย
อากุหลาบ (สงวนชื่อ-นามสกุล) อาของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้ไปเปิดบัญชีให้หลานแล้ว โดยโอนเงินทุกบาทเข้าบัญชีของน้องเรียบร้อยแล้ว ทั้งสิ้น 700,000 บาท ส่วนบัญชีบริจาคตอนนี้มียอดเข้ามาเพิ่มเติม เป็นจำนวนเงิน 7,433 บาท จากยอดเดิมคงเหลือ 2,233 บาท ส่วนแผนการที่จะปิดบัญชีรับบริจาค ตอนนี้ตนและน้องยังไม่มีกำหนดการว่าจะปิดบัญชี ซึ่งอาจจะยังคงเปิดไว้เรื่อย ๆ
สำหรับเรื่องรถยนต์กระบะ วันนี้ตนไปทำที่กรมขนส่งฯ เพื่อขอโอนรถเป็นชื่อของน้องเอ แต่ติดปัญหาที่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ให้เหตุผลว่าจะต้องให้น้องอายุครบ 20 ปี บริบูรณ์ก่อน ซึ่งหากน้องอายุครบ 20 ปี ตนตั้งใจว่าจะไปโอนรถเป็นชื่อของน้องแน่นอน
นอกจากนี้ หากคดีความเสร็จสิ้น น้องเอ จะขอเปลี่ยนชื่อและนามสกุล เพื่อเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วย ตอนนี้ตนก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น แต่ก็ยังได้ยินมาว่า ในโลกออนไลน์ยังแชร์เรื่องของตนและด่าว่าตนในทำนองที่ตนนำเงินไปใช้จ่ายสุ่มสี่สุ่มห้า ทำให้ตนเองก็ยังรู้สึกเป็นกังวลอยู่บ้าง
ตนอยากจะชี้แจงต่อสังคมว่า เงินทั้งหมดได้โอนให้แก่หลานแล้ว ส่วนรถยนต์ ยังไม่สามารถโอนได้ ตนไม่อยากให้ใครมาต่อว่าอีก ตอนนี้เงินที่น้องเอใช้จ่ายก็เป็นเงินที่ได้รับบริจาค ยอมรับว่าบางครั้งน้องเอาเงินตัวเองซื้อของกิน ตนก็ได้กินอยู่บ้าง แต่จากนี้ตนเองจะไม่มีสิทธิ์ที่จะไปยุ่งเกี่ยวกับเงินของน้องแล้ว เพราะน้องมีบัญชีเป็นของตัวเอง แล้วหากน้องจะใช้เงินไปทำอะไร ตนก็คงไม่สามารถจะรู้ได้อีกต่อไป
ส่วนเรื่องการใช้เงินของน้อง ตอนนี้ตนเองก็ให้สิทธิ์น้องในการดูแลบัญชีตัวเอง และสามารถไปกดเงินเองได้แล้ว จากนี้ น้องจะกดไปใช้จ่ายอะไรเองบ้าง ใครจะมาโทษตนอีกก็คงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในอนาคตตนหวังให้น้องมีบ้านก่อน แล้วหากน้องเอต้องการจะศึกษาต่อหรือไม่ ก็แล้วแต่เขา เพราะไม่รู้ว่าจะมีเงินเหลือเพียงพอที่จะเรียนต่อหรือไม่ แต่หากน้องต้องการให้ส่งเสียเรียนต่อ ตนเองก็ยินดี ส่วนเรื่องงาน ตนอยากให้อายุถึง 20 ปี ก่อนแล้วค่อยออกไปหางานทำ
ส่วนคุณอ้อ กับคุณอ้อย ตนไม่มีอะไรฝากถึง แล้วหากเขาพูดพาดพิงถึงตน ตนถึงจะออกมาพูดถึงเขา ซึ่งหลังจากนี้เขาจะมาเยี่ยมน้องเอ ก็สามารถมาได้ ตนไม่ได้โกรธเคืองอะไร
นางสาวชลิดา วัฒนะ หรืออ้อ และนางสาวพัทธนันท์ ทาเงิน หรืออ้อย ผู้ช่วยเหลือน้องเอ เปิดเผยว่า หลังจากที่น้องเอเปิดบัญชีใหม่แล้ว ยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกสบายใจขึ้น แต่อยากให้หน่วยงานภาครัฐเข้ามามีส่วนร่วมในการเบิกจ่ายเงินของน้องเอมากกว่า จากนั้นจึงค่อยให้น้องเอค่อยรู้จักการใช้เงินเอง
นางสาวชลิดา กล่าวว่า จะเรียกว่าแตกคอกับอากุหลาบก็แตก เพราะอีกฝ่ายพูดกล่าวหาพวกตนว่า หวังเงินน้องเอ ซึ่งถ้าพวกตนอยากได้เงินบริจาคจริง ๆ ก็คงเสนอชื่อตัวเองอยู่ในบัญชีแล้ว แต่พวกตนประกาศตัวเองตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ยุ่งกับเรื่องเงิน และไม่รับเงินเข้าบัญชีตัวเอง สำหรับเรื่องการเปิดบัญชี พวกตนยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็น และการที่พาน้องไปเปิดบัญชีรับบริจาค ตนก็เพิ่งมาทราบว่ามีชื่อของอีกคนอยู่ด้วย
หลังจากนี้ พวกตนขอแสดงจุดยืนว่าจะผลักดันเรื่องการช่วยเหลือเด็กและสตรี ส่วนเรื่องกรณีของคุณกุหลาบ ตนเพียงแค่เสียใจ และเสียความรู้สึก ว่าทำไมถึงพูดถึงพวกตนแบบนี้ และหากเป็นไปได้ พวกตนอยากให้เข้ามาพูดคุยกันโดยไม่ต้องผ่านคนกลาง พวกตนขอยืนยันเหมือนเดิมว่า ไม่เคยคิดร้ายหรืออยากได้เงินของน้องเอ และหากวันนี้ น้องจะไม่เหลือใคร หรือต้องถูกทำร้ายอีก พวกตนก็พร้อมที่จะยื่นมือช่วยเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม ตนอยากฝากบอกน้องเอว่า ที่ผ่านมาน้องถูกกระทำมาตลอด ตนอยากให้น้องได้มองถึงอนาคตตัวเองว่าจะออกจากจุดที่เป็นอยู่ได้อย่างไร ทุกคนที่บริจาคเงินมาทั้งหมด อยากให้น้องได้รับโอกาสที่ดีทางการศึกษา และมีอนาคตใหม่ในสังคมใหม่ และพวกตนต้องการให้น้องเอได้ทำอะไรให้สังคมได้เห็น และชื่นใจว่าน้องเอสานต่อโอกาสที่ได้รับ ไม่ใช่เพียงรับฟังจากอาคนเดียว ทุกคนก็หวังอยากให้น้องเติบโตเป็นคนดีของสังคม
นางสาย กองอาสา หรือ น้อย อายุ 60 ปี แม่ของผู้ต้องหา ย่าของน้องเอ เปิดเผยว่า หลังจากนายวีระลูกชายตนเข้าเรือนจำ ก็ไม่เคยมีใครมาเยี่ยมหาตนที่บ้าน แต่มีการติดต่อกับอากุหลาบอยู่หลายครั้ง สำหรับเรื่องการซื้อรถกระบะคันใหม่ ตนมาทราบเรื่องขณะที่อากุหลาบมารับไปเที่ยว เพราะอากุหลาบกลัวว่าตนจะเครียดเรื่องที่นายวีระถูกจับกุม จึงพานั่งรถไปเปิดหูเปิดตา พอตนเห็นรถกระบะ ตนจึงถามหลานว่าทำไมจึงออกรถใหม่ น้องเอก็ยืนยันจากปากเจ้าตัวว่า เป็นคนอยากได้รถ เพราะมีรถจะไปไหนมาไหนก็สะดวกสะบาย ตนจึงคิดว่าเป็นเพราะเมื่อก่อนนี้ตอนอยู่ในป่าก็คงไม่เคยเห็นคนมีรถ พอเข้าเมืองแล้วมีรถ น้องเอคงไปมาสะดวกขึ้น
ทั้งนี้ ตนได้ว่ากล่าวตักเตือนทั้งสองคนไปว่า เงินบริจาคที่เขาให้มานั้น เขาไม่ได้ให้มาซื้อของกินเล่น หลานต้องเอาเงินไปซื้อที่ดินทำกินก่อน แล้วจึงปลูกบ้าน จากนั้นจะซื้อรถก็ไม่เป็นไร เพราะถือว่ามีที่ดินทำกินแล้ว และเงินที่เหลือจะได้นำไปใช้เรียนต่อ กศน. ต่อไป
นางสาย ยืนยันว่า สร้อยคอทองคำของอากุหลาบนั้นได้มาก่อนที่จะเปิดรับเงินบริจาค แล้วก็เป็นเงินที่นางกุหลาบซื้อเอง เขายังเคยเอามาให้ตนดูอยู่ ตนยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการนำเงินบริจาคมาใช้ผิดวัตถุประสงค์