แฉพ่อเลี้ยงโหดเตะน้องมาร์คม้ามแตก เจ้าตัวโต้ผลาญเงินบริจาคถอยรถโบ้ยแม่ทำ (คลิป)

13 ต.ค. 64

สำหรับเรื่องราวของ "น้องมาร์ค" ด.ช.ทิพย์แทนไทย นามปัญญา นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หนูน้อยยอดกตัญญู ที่เคยเป็นข่าวโด่งดังเมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา เรื่องราวที่ทางน้องมาร์คปั่นจักรยานคู่ใจออกเก็บของเก่าตามริมถนนไปให้พ่อคัดแยกขายเพื่อหารายได้ เนื่องจากฐานะยากจน

164835336121

ตลอดจนมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ใจบุญยื่นมือช่วยเหลือ บริจาครถจักรยานคันใหม่ มอบอุปกรณ์ก่อสร้างบ้าน และบริจาคเงินเป็นทุนในการสร้างบ้าน และเป็นทุนการศึกษาด้วยรวมเป็นเงินประมาณ 80,000 บาท

729330271453

ล่าสุด ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า น้องมาร์คได้ถูกนายชัช (นามสมมติ) อายุ 36 ปี พ่อเลี้ยง ทำร้ายร่างกายหลายครั้ง ครั้งล่าสุดโดนเตะจนม้ามแตก ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลนางรอง เป็นเวลาเกือบสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค. 64 และออกจากโรงพยาบาล เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ชาวบ้านเห็น แต่ไม่มีใครกล้าพูด เพราะไม่อยากจะมีปัญหานั้น

900623

นายสมปอง ปราบสกุล ผู้ใหญ่บ้าน บอกว่า ตนเองเพิ่งมาทราบตอนที่ชาวบ้านไปบอกว่าน้องมาร์คเข้าโรงพยาบาล ด้วยอาการม้ามแตก แต่ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร จากนั้นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านก็มาแจ้งอีกว่าน้องมาร์คอยู่ที่ รพ.นางรอง แต่ตอนนั้นตนติดภารกิจอยู่จึงยังไม่ได้ไปดูน้อง จึงได้มาสอบถามกับญาติและชาวบ้านว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งชาวบ้านก็บอกว่าน้องน่าจะถูกพ่อเลี้ยงทำร้าย เพราะมีคนเห็นหลายครั้ง

698120

ซึ่งพ่อเลี้ยงเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป หลังจากมีเงินบริจาคเข้ามา กระทั่งตนเคยไปสอบถามก็ยังไม่พอใจ แถมยังต่อว่าด้วย จึงไม่เข้าไปยุ่ง อย่างไรก็ตาม ก็จะได้รายงานให้ทางอำเภอรับทราบ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีที่มีการร้องเรียนทั้งเรื่องการทำร้ายร่างกายและเงินบริจาคด้วย

cg

ขณะที่นางสมนึก เพื่อนบ้าน เล่าว่า เคยเห็นกับตาว่านายชัช พ่อเลี้ยง ทำร้ายน้องมาร์ค เวลาที่ใช้แล้วไม่ได้ดั่งใจก็จะตบ เตะ กระทืบบ่อยครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อช่วงต้นเดือน ต.ค. น้องโดนเตะตอนนั่งล้างจานอยู่หลังบ้าน ก็คิดว่าเป็นเรื่องในครอบครัวไม่อยากจะยุ่ง  กระทั่งน้องมาเล่นที่บ้านแล้วบ่นว่าเจ็บท้อง พอเปิดเสื้อดูก็พบรอยเขียวช้ำที่บริเวณท้อง ตนก็ตกใจ ไม่คิดว่าน้องจะถูกพ่อเลี้ยงทำร้ายรุนแรงขนาดนี้ และเพิ่งมาทราบทีหลังว่าน้องเข้ารักษาตัวเกือบสัปดาห์ ก็รู้สึกหดหู่ใจและสงสาร ไม่อยากจะยุ่งเรื่องในครอบครัว   เพราะกลัวเขาจะมาด่า แต่เห็นน้องเป็นหนักขนาดนี้ก็สงสาร จึงแจ้งผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ให้มาช่วยเหลือต่อไป

769403820684

ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังบริเวณบ้านของน้องมาร์ค ตำบลหัวถนน อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ นายชัช" (นามสมมติ) พ่อเลี้ยงของน้องมาร์ค เปิดใจว่า ตนไม่ได้เป็นคนทำร้ายร่างกายน้องมาร์ค แต่ด้วยกระแสข่าวที่ออกไป ยอมรับว่าตนเสียเปรียบ ในฐานะคนที่เป็นพ่อเลี้ยง หลายคนเลยคิดว่าต้องทำร้ายลูก ยืนยันว่าเหตุการณ์ตามที่ทางภรรยาของตนและลูกเลี้ยงระบุไปว่า ตนถีบเขา 2 ครั้ง เพราะล้างจานไม่สะอาดนั้นไม่เป็นความจริง แม้ว่าในอดีตตนเคยมีทุบตีบ้าง ตอนนี้จะมีแค่ดุด่าบ้าง

763779

ทั้งนี้ ตนอยากจะชี้เเจงว่าอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลองไปสอบปากคำแม่ของเด็กดูว่าเรื่องราวที่แท้จริงเกิดอะไรขึ้น เพราะตนก็เพิ่งทราบว่าน้องโดนทำร้ายร่างกายพร้อมกับคนอื่นเหมือนกัน ตนตั้งข้อสังเกตว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากที่ภรรยาของตนมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ชอบเล่นแต่มือถือ หนำซ้ำพฤติกรรมเหมือนคนตีตัวออกห่าง ที่ผ่านมาแม่ของเด็กเองก็ไม่ได้รักลูกตามที่ออกสื่อ ขนาดลูกคนเล็กที่ยังไม่ถึงขวบก็เคยทำร้ายมาแล้ว ตนเป็นคนเข้าไปห้าม และดุภรรยาด้วยซ้ำ แต่ตนไม่กล้าบอกใครกลัวคนอื่นจะมองภรรยาไม่ดี

844400

ส่วนเรื่องเงินบริจาคตอนนี้ ยอมรับว่าภรรยาเป็นคนถือบัญชี ส่วนตัวไม่ทราบว่าเงินที่ได้รับมานั้นยอดเท่าไร แต่ที่ตัดสินใจซื้อของด้วยกัน เป็นรถจักรยานยนต์ Honda รุ่น MSX125 ราคา 20,000 บาท และรถจักรยานยนต์นำเข้าสัญชาติจีน จำนวน 12,000 บาท และซื้อโทรศัพท์มือถือ ราคา 1,900 บาท ที่เหลือตนไม่ทราบว่าทางภรรยาจะเอาไปให้ใครบ้าง แต่ตนไม่ได้เข้าไปยุ่ง

ตนยอมรับว่ารถจักรยานยนต์ทั้ง 2 คันเป็นชื่อของตน ซึ่งภรรยาเองก็ยินยอม แต่ตกลงกันไว้ว่าหลังจากที่ลูกบรรลุนิติภาวะจะยกและโอนชื่อให้เป็นของเขา ยันตนไม่ได้เป็นคนเก็บเงินบริจาค แต่เป็นภรรยาที่เป็นคนเก็บ ยืนยันว่าหลังจากนี้ตนก็พร้อมสู้กับคดีหากอีกฝ่ายแจ้งความในส่วนของการทำร้ายร่างกาย เพราะตนไม่ได้ทำ หากตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง ตนก็จะแจ้งความกลับ

184544

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ พมจ.บุรีรัมย์ ระบุว่า น้องมาร์ค อายุ 11 ปี พร้อมด้วยคุณแม่ และน้องวัย 1 ขวบ อยู่ในการคุ้มครองของเจ้าหน้าที่ พม. รวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้รับการเยียวยา ฟื้นฟูสภาพจิตใจและร่างกาย โดยสภาพจิตใจของน้องมาร์คเอง ตอนนี้ค่อนข้างดีขึ้นจากเดิม หลังจากนี้ หากทางแม่ของเด็กเองแจ้งความประสงค์จะขอกลับไปอยู่บ้าน ทาง พมจ. ก็จะต้องเข้าไปตรวจสอบว่าปลอดภัย และสภาพแวดล้อมเหมาะสมหรือไม่

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส