หมิว สิริลภัส อัปเดตอาการหลังรักษาตัวจาก “โรคพิษสุราเรื้อรัง” 

หลังจากที่นักแสดงสาว หมิว สิริลภัส กองตระการ  ได้ออกมาเปิดเผยว่าตัวเองกำลังรักษาอาการที่เกิดจากโรค Alcoholic โดยเจ้าตัวได้เคยทวีตข้อความไว้ว่า “ยิ่งหา ยายิ่งเพิ่ม ล่าสุด หมอวินิจฉัยมาแล้วว่าพ่วงโรค alcoholic มาอีก 1 ไม่เป็นไร จะตั้งใจสู้กะแม่งซักตั้ง เริ่ม 9.9 จบ 10.10 จะไม่แตะเหล้า และ แอลกอฮอล์ทุกชนิด ยกเว้นสเปรย์และเจลแอลกอฮอล์ เก๊ากัวโควิดดด” แต่บางสื่อก็ทำให้มีการตีความไปผิดว่าโรคนี้เป็นโรคร้ายแรง

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี จึงได้วิดีโอคอลคุยไปพูดคุยกับสาวหมิว โดยเจ้าตัวบอกว่าวันนี้ก็จะเดินทางไปอัปเดตอาการกับคุณหมอเรื่องโรคพิษสุราเรื้อรังและเรื่องของโรคซึมเศร้าด้วย ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าตนเองใช้ชีวิตอย่างมีสติมาตลอด คอยสังเกตอาการของตัวเอง ว่าเมื่อไหร่ที่เริ่มจะหนัก หรือจะล้ำเส้นไปถึงคำว่าอันตราย ตนเองจึงตัดสินใจไปปรึกษาคุณหมอ ซึ่งตัวเองก็อยากอธิบายให้ทุกคนเข้าใจว่าตนเองไม่ได้ติดถึงขึ้นเสียการเสียงานและไม่ทำอะไรแล้ว

สิ่งที่เธอออกมาพูดว่าเธอเป็นโรคนี้ เพื่ออยากให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอที่เป็นดาราก็เป็นคน สามารถทำถูกทำผิดได้ ล้มได้ลุกได้เหมือนกัน และสิ่งที่อยากออกมาพูดก็เพราะอยากให้เป็นเหมือนวิทยาทานหรือให้กำลังใจกับคนที่กำลังเป็นโรคนี้อยู่ ว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว

ถามว่าแล้วอาการเป็นยังไง เธอก็ตอบว่าโรคนี้ไม่รู้ว่าขั้นร้ายแรงเป็นแบบไหน แต่ที่เจ้าตัวเป็น มีอาการมือสั่น และมีความทรงจำระยะสั้น ในบางทีเจ้าตัวก็ได้มีการเดินแล้วสักพักก็ลืมไปว่าตนเองจะทำอะไร และเมื่อเวลาก็จะเริ่มมีอาการอยากดื่มแอลกอฮอล์

ซึ่งผลตอบรับการที่เธอออกมาพูดถึงเรื่องโรคนี้ ก็ได้ผลตอบรับและคำขอบคุณจากหลายคน เพราะมันทำให้คนเข้าใจโรคนี้ดีขึ้น และคนที่ป่วยอยู่ก็ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ตนเองขอสัญญาว่าจะพยายามรักษาให้หายและนำเรื่องราวมาแชร์ให้กับทุกคนได้รับชม

ส่วนแนวทางรักษาหากจะหายได้คุณหมอบอกให้เริ่มที่ใจก่อน ซึ่งตนเองก็ได้กำลังใจมาจากศิลปินชื่อดัง “แบงค์ วง Clash” ที่ได้ให้คำแนะนำการเลิกสุรา เนื่องจากพี่แบงค์เองก็เคยติดสุรา

ขั้นตอนในการรักษานั้น คุณหมอก็ให้ลดการดื่มให้น้อยลง แต่ไม่ใช่การงดไปเลย ไม่อย่างนั้นมันจะมีเอฟเฟคทำให้ปวดหัว ซึ่งการรักษาก็ทานยาควบคู่ไปด้วย

ส่วนอาการของโรคซึมเศร้าของตนเองในตอนนี้ ก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการรักษา และยอมรับว่ารู้สึกดีขึ้น เนื่องจากเคารพตัวเองมากขึ้น มั่นใจกับสิ่งที่ตนเองทำมากขึ้น และได้มีส่วนช่วยให้คนอื่นที่กำลังเจออยู่กับโรคซึมเศร้า ให้รอดจากการฆ่าตัวตายมาแล้ว และการช่วยเหลือคนอื่น ก็ทำให้เจ้าตัวรู้สึกดีขึ้น

ซึ่งเจ้าตัวก็เคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งมา ข้อความระบุว่า “หากตัวเองไม่มีความสุขก็ให้ออกไปมอบความสุขให้กับคนอื่นแล้วเราจะมีความสุข” เจ้าตัวก็เลยอยากจะฝากถึงคนที่กำลังเป็นโรคนี้ว่า อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอายและร้ายแรง คิดว่ามันแค่อาการป่วยเหมือนไข้หวัดธรรมดา มันมีทางรักษาได้