จับซ้ำไฮโซเก๊ปลอมโพรไฟล์หรูลวงสาว แฟนเก่าโดนเป็นแสนอึ้งสารภาพทำแล้วสะใจ (คลิป)

2 ต.ค. 64

จากกรณีเมื่อกลางเดือนกันยายน 2564 ที่ผ่านมา นายพสธร จิระวัฒนโภคิน หรือ นายธนกฤต เวโรจนนันท์ อายุ 30 ปี อาชีพรับเหมาก่อสร้าง ถูกจับกุมตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้

296084

กระทำความผิดฐาน "ใชับัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ซึ่งเป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสดหรือใช้เบิกเงินสด, ข่มขืนกระทำชำเรา, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน"

847942103877

โดยล่าสุด วันที่ 2 ต.ค. 64 มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหารายเดิมซ้ำได้อีกครั้ง ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ในข้อหาเดิม และเพิ่มเติมข้อหา เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน, ทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น

191487

ซึ่งจับกุมได้ภายในซอยสุขุมวิท 42 ถ.สุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ หลังก่อเหตุในลักษณะเดิมในพื้นที่สน.คลองตัน

624969

วันที่ 2 ต.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี มีโอกาสพูดคุยกับนางสาวแพรวา (นามสมมติ) อาชีพพยาบาล แฟนเก่าของผู้ต้องหา เมื่อปี 2561-2562 โดยนางสาวแพรวา บอกว่า ในปี 2561 ตนรู้จักผู้ต้องหาผ่านเฟซบุ๊ก โดยผู้ต้องหาได้ทักมาหาตน ซึ่งได้ตกลงคบกันหลังจากพูดคุยกันได้ 2-3 เดือน เพราะอีกฝ่ายเป็นคนพูดคุยสนุก สุภาพ และมารยาทดี อีกทั้งยังเรียนจบมหาวิทยาลัยชื่อดังด้านคอมพิวเตอร์ในประเทศไทย

717093

โดยในตอนแรก ความสัมพันธ์เป็นไปได้ด้วยดี ถึงขั้นที่อีกฝ่ายพาตนไปพบเจอครอบครัว ซึ่งถือว่าเป็นครอบครัวที่มีฐานะ ทางบ้านทำธุรกิจ และเป็นข้าราชการเก่า แต่เมื่อคบกันไปได้สักระยะ อีกฝ่ายมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป เนื่องจากตนจับได้ว่าอีกฝ่ายเล่นแอปพลิเคชันหาคู่ จากนั้นอีกฝ่ายก็เริ่มทุบตีทำร้ายตน ถึงขั้นเตะและบีบคอ างครั้งอีกฝ่ายก็ได้ตามไประรานถึงที่ทำงานของตน ซึ่งไม่เหมาะสม นอกจากนี้ อีกฝ่ายยังยืมเงินตนอ้างว่าจะนำไปเล่นหุ้น พร้อมทั้งยืมบัญชีเป็นทางผ่านของเงินก้อนใหญ่ อ้างว่าเป็นเงินจากธุรกิจ

กระทั่งเดือนพฤษภาคม 2562 ผู้ต้องหาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี จับกุมตัวได้ เนื่องจากก่อเหตุกินอาหารและไวน์ของโรงแรมหรูหลายโรงแรม แต่ไม่จ่ายเงินมีพฤติกรรมสั่งอาหารแพง ๆ และขอตัวไปเข้าห้องน้ำ จากนั้นจะเดินหนีไป ซึ่งตนรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก โดยขณะนั้นตนได้ถอยตัวออกห่างจากผู้ต้องหาแล้ว แต่ตนก็อดสงสารไม่ได้ ผู้ต้องหาบอกกับตนว่าไม่อยากให้ครอบครัวรู้ ตนจึงให้ยืมเงิน 100,000 บาท เพื่อเคลียร์ค่าอาหารและไวน์ของหลายโรงแรม โดยตนได้ถามอีกฝ่ายว่า "ทำทำไม" ซึ่งอีกฝ่ายตอบตนว่า "สนุก ท้าทาย ยิ่งไม่ถูกจับจะสะใจ พวกโรงแรมโง่เอง" เวลาผ่านมาประมาณ 2 ปี ผู้ต้องหาก็ยังไม่คืนเงินตน

119107

กระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปจนกระทั่งเดือนกันยายน 2564 ที่ผู้ต้องหาตกเป็นข่าวอีกครั้ง ร้ายแรงกว่าครั้งของตน ถือว่าผู้ต้องหาพัฒนาการก่อเหตุไปได้ไกล เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติกรรมนัดผู้หญิงผ่านแอปฯหาคู่ พาไปโรงแรม และมีการมอมใส่ยาให้กิน จากนั้นก็กระทำชำเรา แล้วรูดทรัพย์ ตนจึงได้เดินทางไปแจ้งความบ้างที่ สน.ยานนาวา ในข้อหายักยอกทรัพย์ และได้คุยกับบรรดาผู้เสียหาย

ทั้งนี้ เหยื่อของผู้ต้องหาจะเน้นไปหาแพทย์ ทันตแพทย์ และพยาบาลเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 รองลงมา ได้แก่ อาชีพ นักธุรกิจ หรือ ธุรกิจส่วนตัว เพราะคนกลุ่มเหล่านี้จะไม่ค่อยมีเวลาที่จะเข้าไปสอดส่องชีวิตประจำวันของผู้ต้องหา เนื่องจากต้องทำงาน โดยขณะนี้มีผู้เสียหายที่ผู้ต้องหาหลอกยืมเงินไปจำนวน 4 ราย ในพื้นที่ สน.บางขุนเทียน สน.ปทุมวัน และ สภ.ในจังหวัดสงขลา และผู้เสียหายที่ถูกกระทำชำเรา แล้วถูกรูดทรัพย์ ในช่วงปี 2563-2564 อีก 2 ราย เป็นแพทย์ทั้งหมด กระทั่งผู้ต้องหาถูกประกันตัวออกมา ซึ่งผู้ต้องหาก็กลับมาก่อเหตุซ้ำในพื้นที่ สน.คลองตัน โดยตนทราบว่าเหยื่อรายล่าสุดเป็นทันตแพทย์หญิง

ตนคาดว่าน่าจะมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ไม่กล้าแสดงตัวออกมา เนื่องจากอาย และห่วงหน้าที่การงานวิชาชีพของตัวเอง ตนคิดว่าผู้ต้องหาไม่ได้ป่วยจิตเภท แต่น่าจะมีอาการทางจิตอีกรูปแบบหนึ่ง เนื่องจากการป่วยจิตเภทจะมีอาการคลั่งควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ผู้ต้องหามีลำดับความคิดที่ซับซ้อนเป็นขั้นเป็นตอน ครั้งนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้แล้ว อยากจะสะท้อนผ่านสื่อให้เห็นว่ากฎหมายไทยยังคงอ่อนอยู่มาก เพราะมีช่องโหว่ให้ผู้ต้องหาประกันตัวออกมาได้ แล้วกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก

ตนขอให้การจับกุมครั้งนี้เป็นการจับขังลืม พร้อมพาไปตรวจสุขภาพจิต และวอนขอให้เหยื่อรายอื่น ๆ แสดงตัวออกมาแจ้งความรวมตัวกันเอาผิดผู้ต้องหา

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส