พ่อห่วง “ตง” คลั่งนอนคุก ฐานฉกทรัพย์ ชี้ ตร.พลาดเอาลูกป่วยจิตเป็นพยาน คดีแทงเด็กอุเทนฯ (คลิป)

จากกรณีนายนรพร พรหมบุตร วิศวกรบริษัทรถยนต์ ถูกทำร้ายร่างกาย เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 61 เวลาประมาณ 02.50 น. จากนั้นได้แท็กซี่แล้วหลับไป ก่อนจะรู้สึกตัวอีกครั้ง พบว่าโดนทำร้ายร่างกายในรถแท็กซี่ แต่ไม่ทราบจุดเกิดเหตุว่าโดนทำร้ายบริเวณใด ต่อมาได้มาลงรถที่บริเวณถนนศรีนครินทร์ ก่อนจะถูกวัยรุ่น 3 คน รุมทำร้าย ทั้งนี้มีทรัพย์สินที่หายไปหลายรายการ ก่อนเจ้าหน้าที่ จะคุมตัว นายพีรวิชญ์ ปุตตะจินารักษ์ หรือ ตง อายุ 24 ปี, นายเฉลิมเกียรติ หุ่นน้อย อายุ 22 ปี และนายทรงเดช ปุตตะจินารักษ์ หรือ ตี๋ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหา ในคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ และทำร้ายร่างกาย ดำเนินคดีได้

ล่าสุด วันที่ 22 ต.ค. 61 พ.ต.อ.อลงกรณ์ ศิริสงคราม ผกก.สน.ประเวศ ได้ควบคุมตัวนายพิชัย ชูชน อายุ 48 ปี คนขับรถแท็กซี่ โตโยต้าสีชมพู ผู้ก่อเหตุ หลังตำรวจสืบทราบว่าเป็นคนขับรถแท็กซี่ที่ชิงทรัพย์นายนรพร โดยตำรวจได้นำตัวไปจำลองเหตุการณ์ขณะก่อเหตุในรถแท็กซี่

ทั้งนี้ จากการสอบปากคำนายพิชัย ให้การสารภาพว่า รับผู้เสียหายมาจากซอยเอกมัย 10 ระหว่างทางผู้เสียหายหลับ จึงลงมือชิงทรัพย์ของผู้เสียหาย แต่อ้างว่าเอาไปเพียงแค่สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 บาท ที่ตกอยู่ข้างเบาะนั่งในรถ แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกาย ซึ่งนายพีรวิชญ์เคยถูกเสนอบัญชีรายชื่อเป็นพยานในชั้นศาล คดีของนายธนิต ทัฬหสุนทร หรือ เต้ นักศึกษาอุเทนถวายที่ถูกแทงเสียชีวิต แต่ไม่สามารถขึ้นเบิกความได้ โดยให้เหตุผลว่าอยู่ระหว่างรักษาอาการป่วยทางจิต กระทั่งล่าสุดมาก่อเหตุคดีปล้น

ขณะที่ นายชาย (นามสมมติ) พ่อของนายพีรวิชญ์ หรือ ตง เปิดเผยว่า วันนี้ตนเพิ่งเดินทางไปเยี่ยมลูกชายทั้ง 2 คน ตงและตี๋ ซึ่งไปพูดคุยปกติ ถามว่ามีอะไรขาดเหลือหรือไม่ ซึ่งลูกก็สอบถามเพียงการประกันตัว ตนก็บอกเพียงว่าให้รอไปก่อน เนื่องจากยังหาเงินประกันไม่ได้ ทั้งนี้ นายตี๋ ก็ยืนยันว่า วันดังกล่าวมีอาการมึนเมาสุรา และมั่นใจว่าไม่ได้ก่อเหตุปล้นทรัพย์ ส่วนนายตง ไม่ได้พูดอะไร ด้วยปกติแล้วจะมีอาการคุ้มดีคุ้มร้ายเป็นประจำ และตอนนี้ลูกอยู่ระหว่างคุมตัว ตนก็บอกว่าให้นั่งสมาธิ จะได้ไม่คุ้มคลั่ง เนื่องจากไม่มียาทาน อีกทั้งตนยอมรับว่าลูกชายพูดคุยรู้เรื่อง ไม่ถึงขั้นบ้า แต่หลายครั้งที่มักมีอาการหูแว่ว เห็นภาพหลอน ซึ่งไม่ปกติ ที่ผ่านมาโรงพยาบาลราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ และโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ก็ยืนยันตรงกันว่าลูกตนป่วยเป็นจิตเภท

นอกจากนี้ กรณีนายธนิต ทัฬหสุนทร หรือ เต้ เสียชีวิต ตนยืนยันว่าลูกชายตนไม่เห็นคนที่แทงนายเต้แน่นอน เห็นเพียงคนที่ทำร้ายเท่านั้น เพราะวันที่เดินทางไป สน.ดินแดง หลังเกิดเหตุ (16 เม.ย. 61) ตนเดินทางไปกับลูกชายด้วย และอยู่ในห้องสอบปากคำ ลูกชายก็ยืนยันกับพนักงานสอบสวนว่า ไม่เห็นคนแทงนายเต้ เห็นเพียงนายเบนซ์เท่านั้น ส่วนตัวคิดว่าหากขึ้นศาลแล้วให้การไปไม่ตรงความเป็นจริง ก็อาจมีผลต่อตัวลูกชายตนเอง เพราะไม่รู้ได้ว่าอาการป่วยของลูกจะแสดงออกมาตอนไหน ทั้งนี้ นายตงและนายเต้ มีความสนิทสนมกันมาก ตนเชื่อว่าหากลูกชายตนเห็น ต้องไปช่วยเพื่อนแน่นอน และคงยอมพูดหมดเปลือก แต่ที่ตนออกมายืนยันว่าลูกชายไม่เห็นเหตุการณ์ ตนไม่ได้มีเหตุผลอื่น ไม่ได้มีปัญหากับฝ่ายนายเต้ แต่เพียงเพราะลูกชายตนไม่เห็นเท่านั้น ซึ่งหากลูกชายตนเห็นจริง ตนจะสนับสนุนให้ลูกไปให้การแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้ห่วงว่าลูกจะขึ้นศาลไม่ได้ แต่หากให้ไปตอบคำถามว่าเห็นหรือไม่ ตนก็ไม่ห่วง แต่ที่ตนห่วงคือหากมีทนายซักถาม กลัวว่าหากมีการชี้นำ ลูกชายตนอาจพูดออกนอกเรื่อง ซึ่งจะมีผลต่อคดีได้ แต่ตนมั่นใจว่า ลูกชายไม่ได้โกหก ทั้งนี้ ที่สำนวนในชั้นพนักงานสอบสวนมีการระบุชัดเจน ว่านายตงเคยให้การว่าเห็นนายโจ้เป็นคนแทงนายเต้เสียชีวิต ส่วนตัวก็เพิ่งได้เห็นสำนวนฉบับนี้ ตนมั่นใจว่าต้องมีการผิดพลาดในชั้นพนักงานสอบสวน เพราะตนยังพูดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเองว่า ลูกชายตนบอกไม่เห็นก็คือไม่เห็น