
วานนี้ (วันพฤหัสบดี ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568) เวลา 16.00น. ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าวได้จับกุมตัว นางสาวปทิดา (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1804/2568 ลงวันที่ 14 มีนาคม 2568 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ฯ ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปหรือโดยสมาชิกขององค์กรอาชญากรรมกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ฯ ร่วมกันกระทำความผิดฐานมีส่วนร่วม ในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติฯ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้นไม่กระทำการนั้น
หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ
ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใข้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใดพาหรือส่งคนออกไปนอกราชอาณาจักร” โดยเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหา ได้ที่บริเวณโรงเรียนแห่งหนึ่งในตำบลเวียง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญารวมถึงแจ้งว่าต้องบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุมตัวจนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และได้บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถูกควบคุมตัว (ปท.1) ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ให้ผู้ต้องหารับทราบแล้ว และควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งมอบตัวให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษผู้รับผิดชอบสำนวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
คดีดังกล่าวคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 60/2566 ของกองคดีการค้ามนุษย์ โดย นางสาวปทิดาฯ มีพฤติการณ์ เป็นหัวหน้าคนไทยที่ประเทศฟิลิปปินส์สอนเทคนิคการหลอกลวงให้กับผู้เสียหายที่ถูกล่อลวงว่าจะให้ไปทำงานเป็นเจ้าหน้าที่การตลาด เพื่อชักชวนบุคคลที่สนใจร่วมลงทุนในบิตคอยน์ ที่ประเทศฟิลิปปินส์
แต่เมื่อไปทำงานกลับถูกบังคับให้หลอกลวงบุคคลอื่น โดยวิธีการการชักชวนให้โอนเงินมาลงทุน แต่ไม่มีการดำเนินการจริง (สแกมเมอร์) หากไม่ทำงานหรือทำงานไม่ได้ตามยอดที่ตั้งไว้จะถูกนายจ้างทำร้ายร่างกาย
ซึ่งคดีดังกล่าว ดำเนินการออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 14 ราย และสามารถจับกุม ได้แล้วจำนวน 8 ราย
ทั้งนี้ การดำเนินการในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพิเศษ เป็นไปตามข้อสั่งการของ
พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พันตำรวจตรี จตุพล บงกชมาศ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่กำหนดให้ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ซึ่งเป็นหน่วยงานขึ้นตรงการบังคับบัญชาจัดชุดปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับเพื่อนำตัวผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดที่ยังหลบหนี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป
Advertisement