แก๊งโหดโชว์ยิงกราดหนุ่มทวงปืนรัว 360 องศา แม่จี้ล่าหัวโจกเชื่อบอนตีศพเฮี้ยน (คลิป)

เหตุเมื่อวันที่ 31 ต.ค.65 เวลา 01.57 น. สรต.20 ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.สำโรงใต้ ว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกอาวุธปืนยิง บริเวณ ภายในซอยโรงงานพลาสติก ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ พบนายกฤตยชญ์ หริ่มรัตน์ อายุ 27 ปี กำลังนำตัวนายธนภูมิ คงเกิด อายุ 31 ปี ผู้เสียชีวิต ซึ่งถูกอาวุธปืนยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ขึ้นรถยนต์เพื่อนำส่งส่ง รพ.เมืองสมุทรปู่เจ้า ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

วันที่ 4 พ.ย. 65 เมื่อเวลา 10.00 น. ชุดสืบภาค1, ตำรวจสภ.สำโรงใต้ นำตัว นายใหม่ หรือ นายวรฉัตร มือยิงโดยใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนคือปืนอาก้า, นายออม หรือ เทียนชัย เสื้อเทา มือยิง โดยใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน M16 ไปทำแผนประกอบรับคำสารภาพ รวม 5 จุดใหญ่

จุดที่ 1 มีการส่งมอบอาวุธปืนสงคราม โดยมีนายโฟคเป็นคนจัดหา และมีนายนิกค์เป็นเจ้าของรถยนต์ เป็นคนขับนำอาวุธมาร่วมจัดส่งให้นายใหม่ และนายออมในชุมชน

จุดที่ 2 ลานกว้างที่เกิดเหตุ มีนายแจ็คซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการหลบหนี เป็นคนขับรถมอเตอร์ไซค์สีเหลืองพามาส่งที่ปากซอย ก่อนที่ตัวของนายใหม่และนายออมเดินออกจากซอยไปดักซุ่มรอก่อนเวลานัดหมาย วันเกิดเหตุพบว่ามีหญ้ารกสูงทำให้ตัวของนายใหม่และนายออมนั่งซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้า ทันทีที่คนตายและเพื่อนเดินทางมาตามเวลานัดหมาย นายภูมิได้พยายามโทรหา แต่นายใหม่ ไม่รับสาย พร้อมโผล่ตัวออกมาในมือถืออาวุธปืนสงคราม กระหน่ำยิงลักษณะแบ่งกันยิงคนละฝั่งซ้ายขวา กระทั่งรถของนายภูมิล้มลง นายใหม่วิ่งเข้าไปยิงช้ำ ก่อนที่ปืนจะขัดลำและพากันวิ่งกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ ยิงผ่านกระสอบที่ใช้ปิดบังอำพรางปืนอีก

จุดที่ 3 เป็นบริเวณทางลัดเข้าออกในชุมชนหลังวัดบางหญ้าแพรก ใช้เข้าออกในการก่อเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการใช้เจ้าหน้าที่จำลองตำแหน่งการนั่งซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ คนที่เป็นคนขับคือนายแจ็ค อยู่ระหว่างการหลบหนี ส่วนคนที่นั่งตรงกลางคือนายใหม่ และคนนั่งซ้อนท้ายสุดคือนายออม

จุดที่ 4 บริเวณหน้าโบสถ์พระประธานของวัดบางหญ้าแพรก จุดดังกล่าวนั้นเป็นจุดที่ขับผ่านกล้องวงจรปิด ที่มีภาพบันทึกเหตุการณ์ทั้งไปและกลับตอนเวลาเกิดเหตุเอาไว้ได้

จุดที่ 5 มีการพาตัวเดินเข้าไปภายในชุมชน บ้านของนายใหม่ ลักษณะรั้วสีเขียว บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านที่มีการรวมตัวกันและเป็นบ้านที่ใช้ในการประชุมวางแผน ก่อนที่จะไปก่อเหตุในคืนวันที่ 31 ต.ค. นายใหม่ได้เข้าไปชี้จุดที่บ้านของตัวเอง ท่ามกลางญาติพี่น้องที่ออกมาดู แต่ก็ด้วยความตกใจไม่มีใครคาดคิดว่านายใหม่จะพาเพื่อนมาวางแผนที่บ้านก่อนที่จะไปก่อเหตุ และการทำแผนที่บ้านนั้นพบว่ามีภรรยาของนายใหม่ เข้ามาดูการทำแผนฯ ด้วย

เบื้องต้นได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน  พยายามฆ่า และ พ.ร.บ.อาวุธปืน บุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีมีทั้งหมด 6 คน จับแล้ว 3 รายคือ นายใหม่ นายออม,น ายโหน่ง และหลบหนี 3 รายคือ นายต้น คนสั่งการ, นายโฟค จัดหาอาวุธปืน, นายแจ็ค คนจับมอเตอร์ไซค์พาไปก่อเหตุ

พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เปิดเผยว่า การดำเนินการจับกุมผู้ก่อเหตุเบื้องต้นสามารถจับกุม 3 ราย ในจำนวนผู้ที่ก่อเหตุทั้งหมดมีการออกหมายจับ 6 ราย หลบหนีอีก 3 ราย และพบว่ามีผู้ร่วมขบวนการคนอื่น เตรียมที่จะมีการออกหมายจับและออกหมายเรียกพร้อมกันทั้งหมด

ส่วนชนวนเหตุในการก่อเหตุครั้งนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นทางยาเสพติด แต่เป็นเรื่องของประเด็นความขัดแย้งในการเรียกคืนปืนที่ฝากซ่อมเอาไว้ ซึ่งอาวุธปืนของกลางที่ฝากซ่อมตำรวจก็ได้มีการยึดเอามาแล้วเหมือนกัน ส่วนตัวเชื่อว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเรื่องศักดิ์ศรี เมื่อมีการทวงปืนจึงทำให้มีการก่อเหตุขึ้น

กรณีที่เมื่อวานนี้ชุดสืบสวนทั้งสืบภาค สืบจังหวัด และสืบโรงพักพื้นที่ ได้มีการนำดอกไม้ซึ่งเป็นพวงมาลัย 100 พวง แก้บนเพื่อถวายให้กับพระประธานภายในพื้นที่วัดบางหญ้าแพรก เป็นความเชื่อในหลักการการทำงานของชุดสืบสวนในข้อที่ 5 เกี่ยวกับที่พึ่งทางใจ โดยในวันที่เข้าไปหาหลักฐานในวัด ก็ได้ผ่านบริเวณหน้าโบสถ์พระประทาน จึงได้มีการพนมมือขอให้งานลุล่วง เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นและสำเร็จจึงได้เดินทางมาแก้บนส่วนตัวเชื่อว่าพระแห่งนี้ค่อนข้างศักดิ์สิทธิ์ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ

สำหรับประวัติอัชญากรรม และการก่อเหตุความรุนแรงของนายต้น ฉายา “ต้น รั่ว” หรือ นายศุภวิทย์ สายธนู อายุ 35 ปี คนสั่งการในการก่อเหตุยิงนายภูมิ ที่วัดบางหญ้าแพรก พบประวัติเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดมาตั้งแต่อายุ 18 ปี ซึ่งก็เป็นทั้งคดีค้าและเสพ มีประวัติที่อยู่ระหว่างการหลบหนี และมีหมายจับในประเทศในปี 2564 ถูกออกหมายจับในข้อหาร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยเหตุการณ์ดังกล่าวมีการขนพรรคพวกไปบุกที่บ้านอริ จากนั้นมีการกราดยิงและลักทรัพย์ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่เจ้าตัวถูกออกหมายจับและหลบหนี

เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 65 ก่อเหตุยิงนายจ๊าบหัวป่า ซึ่งเป็นขาใหญ่ในพื้นที่สำโรงใต้ ในขณะนั้นเป็นข่าวโด่งดัง แต่เจ้าตัวถูกออกหมายจับในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น, พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะ, มีและใช้อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน โดยมีการออกหมายจับ แต่เจ้าตัวก็อยู่ระหว่างการหลบหนีเช่นเดียวกัน ส่วนล่าสุด ศาลจังหวัดสมุทรปราการออกหมายจับในคดีเอี่ยวยิงนายภูมิ ซึ่งออกหมายจับมนข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, พยายามฆ่าผู้อื่น, เป็นธุระจัดหาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนสงคราม ตาม พ.ร.บ.ปืนฯ และข้อหาจ้างวานฆ่า เบื้องต้นก็ยังทราบว่าเจ้าตัวหลบหนีอยู่ที่ประเทศลาว แต่มีการสั่งการผ่านลูกน้องและเพื่อนคนสนิทให้ดำเนินการแทนในประเทศไทย

เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายมนู นางกสิณา นางสาวมนตรา คงเกิด พ่อแม่และพี่สาวคนตาย ได้เดินทางมาที่โรงพักสำโรงใต้ ทันทีที่พ่อแม่และพี่สาวของคนตายเดินทางมาถึงที่ห้องสืบสวน เจอกับ พ.ต.อ.จักรพงษ์ นุชผดุง ผกก.สภ.สำโรงใต้ ซึ่งได้มาพูดคุยกับครอบครัวของคนตาย พร้อมกับมีการมอบกระเช้าเครื่องดื่มบำรุง

หลังจากมีการทำแผนเสร็จสิ้นแล้ว ได้มีการนำตัวนายใหม่และนายออมกลับมาถึงโรงพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ให้โอกาสผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้มีการขอขมาลาโทษ แต่ระหว่างนั้นสังเกตเห็นว่านายใหม่และนายออมพนมมือยกขึ้น แต่ยังคงมีกุญแจมือล็อกเอาไว้อยู่ พยายามที่จะเข้าไปก้มกราบเพื่อขอขมาต่อครอบครัวคนตาย แต่พ่อและแม่ทำใจไม่ได้ จึงปฏิเสธ และร้องไห้ตลอดเวลา

นายใหม่ และนายออม เผยสั้น ๆ ว่า "เสียใจ อยากจะกราบขอโทษ สำนึกผิด หากพ้นโทษจะขอบวชให้" ซึ่งระหว่างนั้นพ่อและแม่ของนายภูมิคนตาย ก็ได้ตอบกลับทันทีว่าไม่ยอมรับคำอโหสิกรรม พร้อมกับตะโกนกลับไปว่า "ไม่รู้จักกันจริงหรือ หากไม่รู้จักกันทำไมต้องมายิงกันถึงขั้นตายแบบนี้"

ภายหลังจากนั้นผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย พยายามเข้าขอขมาพ่อและแม่คนตาย แต่ไม่เป็นผล ชุดสืบสวนจึงได้มีการคุมตัวเข้าไปนั่งภายในห้องด้านในห้องกระจก อยู่บนพื้นใส่กุญแจมือ มีท่าทีที่สลด ก้มหน้า หัวต

นายมนู และนางกสิณา คงเกิด พ่อแม่คนตาย เปิดใจว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชนที่ติดตามความคืบหน้าทางคดีจนกระทั่งจับตัวคนร้ายได้ เชื่อว่าผู้ต้องหาจำนวนที่เหลือตำรวจก็คงจะติดตามตัวให้ได้โดยเร็วนี้ แต่ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้นตนเองเชื่อว่าลูกชายก็ไม่ใช่เป็นคนที่ดี 100% เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเป็นผู้เสพ แต่ปัจจุบันก็ไม่ได้มีการข้องเกี่ยวอีก ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานตรงไปตรงมา

ส่วนเรื่องของอาวุธปืนนั้น เคยเห็นลูกชายใส่ถุงปุ๋ย ยกเข้ามาในบ้านหลายปีก่อน แต่ลักษณะเป็นปืนที่ใช้การไม่ได้ และลูกชายก็บอกว่าเป็นปืนขึ้นสนิมแต่อยากจะนำไปขัด โดยผู้เป็นพ่อก็ได้มีการไล่ให้ลูกนำเอาปืนออกไปจากบ้าน แต่ก็ไม่คิดว่าลูกชายจะเอาปืนไปฝากซ่อม จนกระทั่งเป็นที่มาของชนวนเหตุในการไปทวงปืนคืนแล้วถูกยิงตาย ตนเองก็ไม่รู้ว่าลึกกว่านั้นมีเรื่องอะไรหรือไม่ แต่ถ้าหากเป็นเพียงแค่เรื่องของการทวงปืนคืนแล้วถึงขั้นยิงกันตาย ก็ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สมควร

หลังจากที่มีการทำแผนประกอบรับคำสารภาพ ตัวของผู้ต้องหาที่เป็นมือยิง 2 คน ได้พยามเข้ามาขออโหสิกรรม ครอบครัวของตนเองก็ยังรับไม่ได้จึงไม่ยอมรับคำขอขมา ไม่ยอมให้เข้ามากราบ แต่ก่อนที่จะเดินทางมาที่โรงพักวันนี้ ก็ได้มีการบอกลูกที่ศาลาสวดศพแล้ว ว่าจับคนร้ายได้แล้วอยากให้อโหสิกรรมต่อกันและกัน และในใจลึก ๆ ของพ่อและแม่ แม้จะไม่ยอมให้เข้ามากราบขออโหสิกรรม แต่ในใจก็ต้องมีการยอมเพราะไม่อยากให้ลูกมีบ่วง อยากให้ลูกไปสู่สุคติ

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ลูกเสียชีวิต ก่อนที่จะมีการบรรจุร่างลงไปในโลงศพ ตาได้มีการนำบอนซึ่งเป็นต้นบอนตามความเชื่อ ได้มีการทาปากของน้องภูมิคนตาย เพื่อที่จะให้มีการมาบอกถึงตัวคนร้ายที่กระทำต่อลูกชาย กระทั่งนำไปสู่การจับกุม ตัวเองก็เชื่อว่าพิธีกรรมดังกล่าวเป็นการดลใจให้ตำรวจเร่งล่าติดตามตัวคนร้ายได้เร็วขึ้น