Bitkub เผยพร้อมออกนอกไทย ไปบุกตลาดอาเซียน ปีนี้! เล็ง 1 ใน 5 ประเทศที่ยังไม่มีเจ้าตลาดแพลตฟอร์ม คาดใช้เงินลงทุนจากกำไรบริษัท หลังจากปีที่แล้วทำกำไรเหนาะๆ 5,000 ล้าน
นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ BitKub ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Financial Times ว่า Bitkub มีแผนจะขยายการลงทุนไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2022 นี้
สำหรับประเทศที่จะเข้าไปลงทุนนั้น ท็อป จิรายุส กล่าวว่า จะไม่เข้าไปในประเทศที่มีเจ้าตลาดแพล็ตฟอร์มเอ็กซ์เชนจ์อยู่ก่อนแล้ว เช่น อินโดนีเซีย ที่มี Indodax เป็นหนึ่งในแพล็ตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่สุด เพราะเท่ากับต้องไปต่อสู้ฟาดฟันนองเลือดกันเพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาด
ดังนั้น การบุกตลาดต่างประเทศครั้งนี้ จึงคาดว่าจะเลือกประเทศที่ยังไม่มีเจ้าตลาดครองแพลตฟอร์มอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งประเทศในอาเซียนที่ยังไม่มีผู้ชนะในตลาดซื้อขายคริปโทได้แก่ กัมพูชา เมียนมา ลาว ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย โดยปัจจุบัน Bitkub กำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนการสำรวจตลาด
"เราวางแผนจะเข้าไปในในประเทศที่ยังไม่มีผู้ชนะชัดเจน เพราะจะได้ไม่ต้องไปฟาดฟันทำสงครามกับรายใหญ่ของที่นั่น เราเชื่อว่าการทำธุรกิจแบบนี้จะช่วยให้เกิดอานุภาพของเครือข่าย (Network effect) และการประหยัดต่อขนาด (Economies of scale) ดังนั้น เราจึงต้องการเข้าไปเป็น 'รายแรก' ที่ออกโปรดักส์ออกมา" จิรายุส กล่าว
ท็อป จิรายุส ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า Bitkub ยังไม่ได้เริ่มกระบวนการทำ Due Diligence หรือการสอบทานธุรกิจสำหรับขยายตลาดนอกประเทศ โดยคาดว่าการลงทุนจะใช้เงินทุนจากกำไรบริษัท ซึ่งในปี 2021 ที่ผ่านมา Bitkub มีกำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 5,000 ล้านบาท
การให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษครั้งนี้ มีขึ้นท่ามกลางวอลลุ่มการซื้อขายบิตคอยน์และคริปโทเคอร์เรนซีอื่นๆ บนกระดาน Bitkub ที่กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นมากในประเทศไทย และรัฐบาลกำลังพิจารณาภาษีคริปโทเคอร์เรนซีใหม่ต่ออุตสาหกรรมนี้
ขณะที่การแข่งขันในธุรกิจคริปโทเคอร์เรนซีก็กำลังทวีความร้อนแรงขึ้นทั้งในประเทศไทย และในประเทศอื่นๆ ของอาเซียน ซึ่งล่าสุด บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ได้จับมือทำเอ็มโอยูกับ บริษัทไบแนนซ์ โฮลดิงส์ จำกัด (Binance) แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเบอร์ 1 ของโลก เพื่อศึกษาการเปิดกระดานเทรดแห่งใหม่ขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม จิรายุส ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องความร่วมมือดังกล่าวระหว่าง กัลฟ์ กับ ไบแนนซ์ โดยระบุเพียงว่าขอเห็นความชัดเจนก่อน แต่บิตคับก็พร้อมสำหรับการแข่งขันอยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องที่ดีต่ออุตสาหกรรม โดยการแข่งขันจะช่วยให้เกิดการพัฒนาในวงการ และยังเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคด้วย
นอกจากนี้ จิรายุส ยังปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่อง "ภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล" โดยระบุว่าจะเป็นเพียงการคาดเดาไปเท่านั้น เพราะรัฐบาลยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการออกมา
