ความวุ่นวายในภาคธนาคารยังไม่ทันจบ สภาพสังคมและเศรษฐกิจในยุโรปยังคงดุเดือดต่อเนื่องจากการประท้วงของคนงานทั้งฝรั่งเศสและเยอรมนีที่ต่างก็ออกมาเรียกร้อง เพื่อสวัสดิการของตัวเอง โดยหลายๆ คนอาจจะได้เห็น ทั้งภาพกองขยะที่กองเป็นภูเขาริมถนนในกรุงปารีสหลังไร้คนงานมาเก็บ หรือภาพการเผาขยะ หรือการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจ
เกิดอะไรขึ้นที่ฝรั่งเศสและเยอรมนี? ทำไมคนงานต้องออกมานัดประท้วงหยุดงานกัน? ทีมข่าว SPOTLIGHT สรุปประเด็นสำคัญมาให้
คนงานฝรั่งเศสประท้วงกฎหมายขึ้นอายุเกษียณงาน
การประท้วงของคนงานและประชาชนในฝรั่งเศสเกิดขึ้นหลังประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) ผ่านกฎหมายยืดอายุเกษียณงานจาก 62 เป็น 64 ปี โดยไม่ผ่านการโหวต โดยให้เหตุผลว่ากองทุนบำเหน็จบำนาญของฝรั่งเศสเสี่ยงขาดเงินถึง 1.35 หมื่นล้านยูโร หรือราว 4.64 แสนล้านบาท ในปี 2023 เพราะในปัจจุบันกองทุนต้องจ่ายเงินจำนวนมากให้แก่ประชากรวัยเกษียณ ในขณะที่ประชาชนวัยทำงานมีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ
โดยเมื่อมีการผ่านกฎหมายดังกล่าวในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ในฝรั่งเศสก็เกิดการประท้วงยืดเยื้อยาวนานตั้งแต่วันที่ 19 มกราคมจนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งมีทั้งการนัดหยุดงาน ลงถนนเดินขบวนประท้วง เผาขยะกลางถนน ทำให้เมืองใหญ่ในหลายเมืองของฝรั่งเศสเช่น ปารีส, มาร์แซย์, ลีอง, นีซ และตูลูซเกิดเหตุการณ์ไม่สงบอยู่เนืองๆ
ล่าสุด วันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา ได้มีการนัดหยุดงานและเดินขบวนประท้วงในกรุงปารีสและทั่วประเทศ นับเป็นวันที่ 9 ตั้งแต่มีการนัดหยุดงานมา ทำให้การจราจรในกรุงปารีสและเมืองอื่นๆ เป็นอัมพาต ไฟลท์ถูกยกเลิก การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมอื่นๆ ชะงักในบางส่วน เพราะประชาชนที่ออกมาประท้วงเป็นแรงงานจากทุกภาคส่วน และสาขาอาชีพ ซึ่งพบว่า การชุมนุมในหลายส่วนเป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี ยกเว้นบางพื้นที่ ที่มีการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจ ผู้ชุมนุนได้มีการขว้างปาพลุไฟ ขวด และหินใส่ตำรวจ และเกิดเพลิงไหม้ในถังขยะ
จากรายงานของสื่อฝรั่งเศส และกระทรวงมหาดไทยของฝรั่งเศส จำนวนประชาชนที่ออกมาชุมนุมในวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ชุมนุนประมาณ 1.08 ล้านคนทั่วประเทศ โดยในปารีสมีมากที่สุด คือ 119,000 คน ในขณะที่ สหพันธ์แรงงานฝรั่งเศส (CGT) อ้างว่า มีคนถึง 3.5 ล้านคนทั่วประเทศ ออกมาเดินขบวนในวันนั้น และในปารีสมีถึง 800,000 คน ซึ่งมากกว่าที่ทางการของฝรั่งเศสเปิดเผยกับสื่อ
เหตุการณ์ความไม่สงบที่ไม่มีทีท่าจะลดลงหรือยุติลง ทำให้ สมเด็จพระราชาธิบดีชาลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา ยกเลิกการเสด็จเยือนฝรั่งเศสระหว่างวันที่ 26-29 มีนาคม เนื่องจากมีความกังวลในด้านความปลอดภัย สำนักข่าว Reuters รายงานว่า จะมีการนัดประท้วงอีกครั้งในวันที่ 30 มีนาคมที่จะถึงนี้
นอกจากนี้ รายงานของสำนักข่าว DW ระบุว่า ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอายุเกษียณต่ำที่สุด และให้เงินบำนาญในอัตราที่สูงที่สุดในหมู่ประเทศ OECD โดยฝรั่งเศสให้เงินประชาชนหลังเกษียณอายุถึงเดือนละ 74.4% เงินเดือนหลังหักภาษี ซึ่งมากกว่าของอัตราในเยอรมนีที่อยู่ที่เพียง 52.9% และมากกว่าค่าเฉลี่ยของ OECD ถึง 14% นอกจากนี้ประชาชนฝรั่งเศสยังมีอายุที่ยืนยาว มีเวลาใช้ชีวิตหลังเกษียณมาก ทำให้กองทุนบำนาญของฝรั่งเศสต้องรับภาระค่อนข้างสูงในการเลี้ยงประชาชนสูงอายุ
คนงานเยอรมนีนัดหยุดงานประท้วงค่าครองชีพ
ส่วนวันนี้ (27 มี.ค.) คนงานโดยเฉพาะในภาคการคมนาคมก็กำลังนัดหยุดงานเช่นเดียวกัน โดยประกาศที่จะหยุดงานทั้งหมด 24 ชั่วโมง ทำให้ทั้งรถบัสประจำทาง รถไฟ และเครื่องบินในเยอรมนีทั้งหมดหยุดทำการในวันนี้
การประท้วงในครั้งนี้ เป็นการประท้วงของสหภาพแรงงาน Verdi และ EVG ซึ่งเป็นตัวแทนของคนงานภาคการขนส่งของเยอรมนีรวมกว่า 2.7 ล้านคน โดยมีจุดประสงค์ เพื่อเพิ่มค่าแรงให้กับคนงานในภาคการคมนาคมขนส่งอย่างน้อย 10.5-12% หลังปัดตกข้อเสนอของรัฐบาลที่จะเพิ่มค่าแรงให้คนละ 5% พร้อมเงินช่วยเหลืออีกก้อนหนึ่งมูลค่าประมาณ 1,000-1,500 ยูโร
นอกจากนี้ ตามรายงานของ The Guardian คนงานในภาคการขนส่งในเยอรมนีกำลังประสบปัญหาค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น จนไม่สามารถอยู่ได้ด้วยค่าแรงปัจจุบัน เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป เยอรมนีกำลังประสบปัญหาเงินเฟ้อจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทำให้ราคาพลังงานและสินค้าอื่นๆ สูงขึ้นเป็นอย่างมาก
สำหรับอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีขึ้นไปสูงถึง 8.7% ในเดือนกุมภาพันธ์ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการประท้วงเพื่อเพิ่มค่าแรง โดยก่อนหน้านี้มีคนงานจากธุรกิจอื่นๆ บ้างแล้วที่ออกมาประท้วง เช่น บริการไปรษณีย์ที่เพิ่งได้ขึ้นค่าแรง 11.5% ไปในเดือนนี้ ในขณะที่ IG Metall สหภาพแรงงานด้านอุตสาหกรรมเรียกร้องให้ขึ้นเงินเดือนให้กับสมาชิกเกือบ 4 ล้านคนได้ 8.5% ในเดือนพฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา
ที่มา: DW, CNN, The Guardian