ท่ามกลางมหากาพย์การคว่ำบาตรของรัฐบาล และการถอนการลงทุนรายวันจากภาคเอกชน แต่ก็ยังมีบางแบรนด์ที่ยังยืนหยัด "อยู่ต่อในรัสเซีย" บ้างก็ประกาศเจตนารมย์ชัดเจน บ้างก็อยู่ต่ออย่างเงียบๆ แต่โดยรวมแล้ว แบรนด์เหล่านี้ส่นใหญ่จะเป็นแบรนด์สินค้าอุปโภค-บริโภค ที่เกี่ยวข้องกับประชาชนชาวรัสเซียโดยตรง และอยู่ในวิถีชีวิตประจำวันของผู้คน
ทีมข่าว SPOTLIGHT รวบรวมข้อมูล 6 แบรนด์ระดับโลก ที่ปักหลักอยู่ทำธุรกิจต่อในแดนหมีขาว ดังนี้
Uniqlo
แบรนด์เสื้อผ้าสำเร็จรูปรายใหญ่ที่สุดจากประเทศญี่ปุ่น เป็นรายล่าสุดที่สวนกระแสโลก โดยนาย ทาดาชิ ยาไน ซีอีโอของ Fast Retailing Co. ซึ่งเป็นบริษัทแม่เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้ายูนิโคล่ (Uniqlo) ตอบคำถามเว็บไซต์นิกเกอิ ว่า บริษัทตัดสินใจจะไม่ถอนการลงทุนออกจากรัสเซียตามกระแสของเอกชนตะวันตก พร้อมยืนยันว่า จะยังคงเดินหน้าให้บริการในรัสเซียต่อไป แม้นานาชาติจะกดดันให้ถอนการลงทุนเพื่อลงโทษทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียก็ตาม
“เสื้อผ้าเป็นสิ่งของจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิต และชาวรัสเซียก็มีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่เช่นเดียวกับพวกเรา” นายยาไน กล่าว
ทั้งนี้ ยูนิโคล่ซึ่งมีสาขาในรัสเซีย 50 แห่ง ยังเป็นบริษัทเสื้อผ้าเพียงไม่กี่รายที่ "ไม่คว่ำบาตร" การใช้ฝ้ายจากมณฑลซินเจียงของจีน ตามที่หลายแบรนด์ เช่น H&M และ Nike ดำเนินการไปก่อนหน้านี้ตามแรงกดดันของสหรัฐและชาติตะวันตก โดยยูนิโคล่ยืนยันว่า ไม่ปรากฏหลักฐานการบังคับใช้แรงงานในซัพพลายเชนผ้าฝ้ายจากซินเจียง
Coca-Cola
อดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน พร้อมภริยา ฮิลลารี คลินตัน และผู้จัดการโคคาโคล่ารัสเซีย ดื่มโค้กโชว์สื่อระหว่างเดินทางเยือนโรงงานโคคาโคล่าในกรุงมอสโก เมื่อปี 1995
โคคาโคล่า ซึ่งเป็นแบรนด์ที่บริษัทของ วอร์เรน บัฟเฟต ถือหุ้นอยู่ ไม่ได้แถลงท่าทีโดยตรง แต่มีการรายงานข่าวในเว็บไซต์ Tass ของรัสเซีย โดยอ้างโฆษกของบริษัทผู้จัดจำหน่ายโคคาโคล่าในรัสเซีย (Coca-Cola HBC) ว่า บริษัทยังดำเนินงานเป็นปกติอยู่ ทั้งในด้านการผลิตและโลจิสติกส์ โดยบริษัทตระหนักในความรับผิดชอบต่อคู่ค้า สังคม และพนักงานอีกหลายพันชีวิตในรัสเซีย ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับความมั่นคงและปลอดภัยของพนักงาน
อย่างไรก็ตาม บริษัทโคคาโคล่าไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธข่าวนี้ แต่มีการออกแถลงการณ์เพียงแค่ว่า บริษัทได้บริจาคเงิน 1 ล้านยูโร ให้กับกาชาดยูเครน และบริษัทจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
ทางด้านปฏิกิริยาในยูเครน เริ่มมีการบอยคอตเกิดขึ้นบ้างแล้ว โดยเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตในยูเครนที่ชื่อว่า Novus ได้ประกาศถอนสินค้าออกจากร้าน และระงับการค้ากับโคคาโคล่าลงด้วย
Pepsi
บริษัท PepsiCo ไม่ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงถึงเหตุผลที่ยังอยู่ต่อในรัสเซีย และโฆษกของบริษัทก็ไม่ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับประเด็นนี้ แต่จากข้อมูลทั่วไปของบริษัทก็คือ PepsiCo เป็นบริษัทอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดในรัสเซีย โดยมีการลงทุนไปหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ กับโรงงาน 3 แห่งในประเทศ และเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา ประเทศนี้ทำรายได้ให้บริษัทถึง 3,400 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 4% ของรายได้บริษัททั้งหมด 79,400 ล้านดอลลาร์
PepsiCo นับเป็นบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคจากสหรัฐ "รายแรก" ที่เข้าไปผลิตและขายในรัสเซียตั้งแต่ยังเป็นสหภาพโซเวียต ประมาณช่วงต้นทศวรรษ 1970 โดยบริษัทลูกในรัสเซียยังได้สิทธิพิเศษให้เป็นผู้ทำตลาดวอดก้า รวมถึงได้สิทธิจำหน่ายแชมเปญ ไวน์ และบรั่นดีจากโซเวียต ในตลาดสหรัฐด้วย
McDonald's
แม็คโดนัลด์ส (McDonald's) เข้าไปเปิดสาขาแรกในรัสเซีย ที่จตุรัสพุชกิน กรุงมอสโก ในปี 1990 ท่ามกลางกระแสตอบรับที่ล้นหลาม โดยมีชาวรัสเซียต่อแถวรอซื้อเบอร์เกอร์กันมหาศาลถึง 3 หมื่นคน ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับสหรัฐหลังยุคสงครามเย็น ยังทำให้ชาวรัสเซียได้เห็นประธานาธิบดี มิคาอิล กอร์บาชอฟ ในโฆษณาของแบรนด์ดังอีกรายอย่าง Pizza Hut ในเวลาต่อมาด้วย
แม็คโดนัลด์สมีสาขาทั่วรัสเซียมากถึง 847 แห่ง โดยทำรายได้เป้นสัดส่วนถึง 9% ของรายได้รวมบริษัท และ 3% ของกำไรจากการดำเนินงาน
Starbucks
เชนร้านกาแฟใหญ่อย่าง สตาร์บัคส์ (Starbucks) เป็นอีกรายที่ยังอยู่ในรัสเซีย โดยมีสาขาราว 130 แห่งทั่วประเทศ แม้ทางบริษัทจะประณามการใช้กำลังบุกยูเครนก็ตาม
เควิน จอห์นสัน ซีอีโอของสตาร์บัคส์ ได้ระบุในแถลงการณ์ส่งถึงพนักงานทั่วโลกว่า บริษัทขอประณามการโจมตียูเครนที่ไร้ซึ่งเหตุผล ไม่ชอบธรรม และโหดร้าย นอกจากนี้ ยังจะมอบเงินที่ได้จากค่าสิทธิ (Royalty fee) ในรัสเซีย และบริจาคเงินให้กับองค์กรการกุศลต่างๆ ในยูเครนด้วย
Yum Brands
หลายคนอาจจะไม่รู้จัก Yum Brands แต่ถ้าพูดถึงแบรนด์ในเครือคงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะนี่คือบริษัทแม่ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ดังอย่าง KFC และ Pizza Huts ซึ่งเพียงแค่ร้านไก่ทอดกับพิซซ่าก็มีสาขาในรัสเซียมากถึงกว่า 1,050 สาขาทั่วประเทศแล้ว แต่ทั้งหมดเป็นการดำเนินการผ่านบริษัทแฟรนไชส์ ทำให้ยากที่บริษัทแม่จะถอนการลงทุนหรือปิดสาขาได้ แต่ทางบริษัทก็ประกาศจะบริจาคเงินให้องค์การการกุศลต่างๆ ในยูเครนแทน และบริษัทระบุเพียงว่า จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป