สินทรัพย์ดิจิทัล

โหดกว่าไทย คือ "อินเดีย" เคาะภาษีคริปโท 30% หักขาดทุนไม่ได้

1 ก.พ. 65
โหดกว่าไทย คือ "อินเดีย" เคาะภาษีคริปโท 30% หักขาดทุนไม่ได้

 

อินเดีย ตามไทยมาติดๆ ล่าสุดเคาะภาษีคริปโทแล้ววันนี้ เก็บทุกชนิดในอัตราสูงสุด 30% + หัก ณ ที่จ่ายอีก 1% ส่วนขาดทุนนำมาหักไม่ได้ ขณะที่แบงก์ชาติเตรียมรุกเงินดิจิทัลของตัวเอง พร้อมเปิดตัว "เงินรูปีดิจิทัล" ปีหน้า

 

ในวันนี้ (1 ก.พ. 2565) นางเนียร์มาลา สิฐรามัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอินเดีย ได้ประกาศความชัดเจนเรื่อง "ภาษีคริปโทเคอร์เรนซี" ออกมาแล้ว ในระหว่างการแถลงร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2022/23 ซึ่งแม้ว่ารายละเอียดของการจัดเก็บจะนับว่า "โหดพอตัว" แต่ฟีดแบ็กในอินเดียกลับมีปฏิกิริยาเชิงบวกกับข่าวนี้มากกว่า เนื่องจากมองว่าเป็นการ "ไฟเขียว" ให้อุตสาหกรรมคริปโทในอินเดียออกจากพื้นที่สีเทา กลายเป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมายและเดินหน้าต่อไปได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เกิดกระแสความกังวลอย่างหนักว่า รัฐบาลอินเดียอาจจะตามรอยจีนด้วยการแบนคริปโท

 

สำหรับภาษีคริปโทในอินเดีย ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ในปีหน้า จะมีรายละเอียดเบื้องต้น ดังนี้

  •  รายได้ใด ๆ จากการโอนสินทรัพย์ดิจิทัล "ชนิดใดก็ตาม" จะต้องเสียภาษีในอัตรา 30% (เป็นอัตราภาษีสูงสุดในอินเดีย)
  •  ไม่สามารถนำรายการขาดทุน/ความเสียหาย (เช่น ถูกแฮ็ก) มาหักได้
  • ไม่อนุญาตให้หักค่าใช้จ่ายหรือส่วนลดใด ๆ ยกเว้นต้นทุนในการได้มา
  •  เสียภาษี ณ ที่จ่ายอีก 1% ถ้ารายการโอนสูงกว่าเพดานที่กำหนดไว้
  •  การให้คริปโท/สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นของขวัญ ผู้รับเป็นคนจ่ายภาษี
  • เริ่มมีผลบังคับใช้ 1 เม.ย. 2023

 

แม้ว่ารายละเอียดของภาษีจะค่อนข้างเข้มงวดกว่าในบางประเทศ แต่คนในอุตสาหกรรมคริปโทอินเดียส่วนหนึ่ง กลับแสดงความโล่งใจผ่านทางโซเชียลมีเดีย ที่ได้เห็นความชัดเจนของภาครัฐมากกว่า และส่วนหนึ่งยังอาจเป็นเพราะว่า อุตสาหกรรมคริปโทในอินเดียนั้น มีขนาดใหญ่และทำเงินมหาศาลเป็นอันดับต้นๆ ของโลก การได้รับไฟเขียวให้ลุยต่อได้จึงคุมค่ากว่าภาษีที่ต้องจ่ายไป

 

รายงานของรอยเตอร์สระบุว่า ปัจจุบัน มีนักลงทุนคริปโทในอินเดียประมาณ 15-20 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการลงทุนประมาณ 4 แสนล้านรูปี (เกือบ 1.8 แสนล้านบาท) ขณะที่หลายเว็บไซต์รายงานว่า อินเดียคือตลาดคริปโทขนาดใหญ่ระดับท็อป 10 ของโลก

 

บริษัทวิจัยด้านบล็อกเชน Chainalysis เคยระบุไว้ในรายงานเมื่อเดือน ต.ค. 2021 ว่า ในระยะเวลาเพียง 1 ปีย้อนหลัง (มิ.ย. 2563 – มิ.ย. 2564) ตลาดคริปโทในอินเดียเติบโตมากถึง 641% ขณะที่ WazirX แพล็ตฟอร์มซื้อขายคริปโทที่มี Binance เป็นเจ้าของ ก็มีอัตราการเติบโตในปีที่แล้วถึง 1,735% หรือวอลลุ่มซื้อขายมากกว่า 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 1.4 ล้านล้านบาท)

 

นอกจากภาษีคริปโทแล้ว รมว.คลังอินเดีย ยังเปิดเผยว่า ธนาคารกลางอินเดียมีแผนจำเปิดตัวสกุลเงิน “รูปีดิจิทัล” ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ภายในปี 2022-23 เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลประกาศกรอบเวลาชัดเจนในการเปิดตัวเงิน CBDC และยังสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ระยะยาวของแบงก์ชาติอินเดียที่ต้องการลดการพึ่งพาเงินสดในระบบเศรษฐกิจ

 

การเดินหน้าสกุลเงินรูปีดิจิทัลอย่างจริงจัง ยังมีขึ้นในขณะที่ "จีน" ได้นำร่องทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัลใน 11 เมืองทั่วประเทศแล้ว และกำลังเตรียมเปิดตัวทดลองใช้ในงานมหกรรมโอลิมปิกส์ฤดูหนาว ที่กรุงปักกิ่ง ในสัปดาห์นี้ ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ และธนาคารกลางอังกฤษ ก็กำลังมองหาความเป็นไปได้ที่จะออกสกุลเงินดังกล่าวเช่นกัน

 

advertisement

SPOTLIGHT