Mixue Group ผู้นำตลาดชานมไข่มุกในจีน เตรียมยื่นเอกสารเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงภายในปี 2567 ตั้งเป้าระดมทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือดของตลาด
Mixue เตรียมเข้าตลาดหุ้น ระดมทุน 3.4 หมื่นล้าน ขยายแฟรนไชส์ทั่วโลก
Mixue แบรนด์ชานมไข่มุกราคาย่อมเยาสัญชาติจีนเตรียมเข้าตลาดหุ้นฮ่องกงเพื่อระดมทุน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทมีเป้าหมายที่จะใช้เงินทุนดังกล่าวเพื่อขยายกำลังการผลิต ปรับปรุงระบบโลจิสติกส์ พัฒนาทรัพย์สินทางปัญญา การตลาด และเสริมขีดความสามารถด้านดิจิทัล เพื่อผลักดันการเติบโตของธุรกิจในต่างประเทศ
Mixue เริ่มขายธุรกิจแฟรนไชส์ในปี 2551 จนเติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน มีเครือข่ายร้านค้ากว่า 36,000 แห่งทั่วประเทศจีน และมากกว่า 30,000 แห่งทั่วโลก ในปี 2565 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1.36 หมื่นล้านหยวน (1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 31.15% เมื่อเทียบเป็นรายปี และช่วงเก้าเดือนแรกในปี 2566 อยู่ที่ 1.54 หมื่นล้านหยวน (2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 46% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทีกำไรสุทธิอยู่ในเชิงบวก เพิ่มขึ้น 5.3% ในปี 2565 และ 51% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566
- การระดมทุนครั้งแรกของ Mixue อยู่ในปี 2564 ด้วยมูลค่าธุรกิจที่ 2 หมื่นล้านหยวน (2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากนักลงทุนชั้นนำ เช่น DragonBall Capital, Hillhouse Capital Group และกองทุน CITIC
- ในปี 2565 Mixue ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้นด้วยมูลค่า 6.5 พันล้านหยวน (916 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากนั้นเดินหน้า ขายธุรกิจผ่านแฟรนไชส์ ‘Mixue Ice Cream & Tea’ ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา
มี่เสวี่ย เติบโตอย่างรวดเร็ว ขยายสาขาออกไปหลายหมื่นแห่งทั่วโลกในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การเตรียมยื่นเอกสารเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะ (IPO) ในปี 2567 ครั้งนี้ของ Mixue สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตของแบรนด์ชานมไข่มุกสัญชาติจีนรายนี้ โดยบริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคทั่วโลก
ตลาดอุตสาหกรรมชานมไข่มุกในจีน
ทาง China Chain Store & Franchise Association ได้รายงานตัวเลข อุตสาหกรรมชานมไข่มุกจีน ในปี 2566ว่ามีร้านชานมไข่มุกกว่า 486,000 แห่งและมีมูลค่าตลาดราว 1.45 แสนล้านหยวน และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยร้านชานมไข่มุกและผู้ผลิตชานมส่วนใหญ่เจาะตลาด Low-end Market(ผู้มีรายได้น้อย ผู้มีกำลังซื้อน้อย) และมีโมเดลขยายแฟรนไชส์ ตลอดจนการหั่นราคาแข่งขันกันอย่างดุเดือด
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนกำหนดห้ามไม่ให้กลุ่ม ธุรกิจเชนร้านอาหารและเครื่องดื่ม สามารถจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศจีนได้เพราะรัฐบาลมองว่าเป็นธุรกิจที่เผาเงิน(แข่งขันสูง ตัดราคากัน) เพื่อทำให้ธุรกิจขยายตัวได้เร็วและใหญ่ขึ้น ดังนั้นหลายธุรกิจเชนร้านอาหารและเครื่องดื่มจากประเทศจีนจึงนิยมไปจดทะเบียนในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Auntea Jenny, XSQ Tea, Chagee, GoodMe, ChaBaiDao และ Guming Holdings ร้านชานมไข่มุกยอดฮิตอีก 1 เจ้าในประเทศจีนที่เวลานี้ก็อยู่ในขั้นตอนเตรียม IPO พร้อมกับ Mixue เช่นเดียวกัน