ธุรกิจการตลาด

Warren Buffett เปรียบ ‘AI’ เหมือน ‘อาวุธนิวเคลียร์’ หลัง Deepfake กำลังเป็นที่นิยม

7 พ.ค. 67
Warren Buffett เปรียบ ‘AI’ เหมือน ‘อาวุธนิวเคลียร์’ หลัง Deepfake กำลังเป็นที่นิยม

ถึงแม้หลายองค์กรทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับปัญญาประดิษฐ์หรือ AI อย่างมีนัยสำคัญ และเชื่อว่า AI จะมีอิทธิพลต่อหลายอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเข้ามาช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในเวลาเดียวกัน บิ๊กเทคฯ ทั้งหลายก็แข่งขันกันพัฒนา AI กันอย่างดุเดือด เพื่อชิงพื้นที่ตลาดให้ได้มากที่สุด

แต่สำหรับ Warren Buffet ผู้ร่วมก่อตั้ง ประธาน และซีอีโอ ของ Berkshire Hathaway เผยในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีว่า เขามีความกังวลเกี่ยวกับ AI โดยเฉพาะอันตรายที่อาจเกิดขี้นจากเทคโนโลยีนี้

ที่เหมือนกันการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ที่ถูกนำมาใช้ในทางที่ผิด และเหมือนว่า การพัฒนา AI ก็กำลังไปในทางนั้นเช่นกัน เพราะสิ่งที่ทั้งคู่เหมือนกันก็คือ การอยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์ ซึ่งเขายังมองไม่ออกว่า มนุษย์จะสามารถควบคุม AI ได้มากน้อยแค่ไหน

Buffett เสริมว่า ถึงแม้เขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง AI แต่ก็ยังคงกลัวผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น จากก่อนหน้านี้ที่มีคนนำ AI Deepfake มาทำภาพและเสียงของเขา ซึ่งเปรียบเสมือนตัวตนจริงๆ ของเขา และอาจไปหลอกครอบครัวของเขาเองได้ด้วย ซึ่งการหลอกลวงโดย AI Deepfake มีแนวโน้มที่จะแพร่หลายมากขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม Berkshire Hathaway ได้เริ่มใช้ AI ในธุรกิจของตัวเองเพื่อทำให้พนักงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และบางครั้ง AI ก็เข้ามาแทนที่แรงงานเช่นกัน

โดย Buffet ยังยอมรับด้วยว่าเทคโนโลยี AI สามารถเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นได้ และหากเขาสนใจลงทุน มันจะเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตตลอดกาล เพราะมันมีศักยภาพมหาศาลสำหรับประโยชน์ และภัยอันตรายเช่นกัน ซึ่งเขาแค่ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร

การมาของ AI ได้เปลี่ยนวิถีการทำงานทั่วโลกไปแล้ว และเกือบ 40% ของการจ้างงานทั่วโลกอาจถูกแทนที่ด้วย AI ตามรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) โดยอุตสาหกรรมตั้งแต่การแพทย์ การเงิน ไปจนถึงดนตรีได้รับผลกระทบแล้ว

ไม่ใช่แค่ Buffet ที่กังวลเกี่ยวกับ AI

Jamie Dimon ซีอีโอ JPMorgan Chase กล่าวในจดหมายผู้ถือหุ้นประจำปีของเขาเมื่อเดือนที่แล้วว่า ในขณะที่เขายังไม่รู้ว่า AI จะมีผลกระทบอย่างเต็มที่ต่อธุรกิจ เศรษฐกิจ หรือสังคม แต่เขารู้ว่าอิทธิพลของ AI จะมีนัยสำคัญ

เนื่องจากความเสี่ยงที่มาพร้อมกับความเจริญรุ่งเรืองของ AI โดยมีผู้ไม่ประสงค์ดีที่ใช้ AI เพื่อพยายามแทรกซึมระบบของบริษัทเพื่อขโมยเงินและทรัพย์สินทางปัญญา หรือเพียงแค่ทำให้เกิดการหยุดชะงักและความเสียหาย

โดยในเดือนมกราคม JPMorgan Chase พบว่า แฮกเกอร์พยายามแทรกซึมระบบของตนเพิ่มขึ้นอย่างมากในแต่ละวันในปีที่ผ่านมา โดยเน้นย้ำถึงความท้าทายด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นที่ธนาคารและบริษัทใน Wall Street อื่นๆ กำลังเผชิญอยู่

นอกจากนี้ 42% ของซีอีโอที่ได้รับการสำรวจในการประชุม Yale CEO Summit เมื่อฤดูร้อนปีที่แล้วกล่าวว่า AI มีศักยภาพที่จะทำลายมนุษยชาติในอีก 5 ถึง 10 ปีนับจากนี้ โดยการสำรวจนี้มาจากซีอีโอ 119 รายจากทุกส่วนของธุรกิจ ตั้งแต่ Doug McMillion ซีอีโอของ Walmart, James Quincy ซีอีโอของ Coca-Cola, ผู้นำของบริษัทไอที เช่น Xerox และ Zoom รวมถึงซีอีโอจากเภสัชกรรม สื่อ และการผลิต

ที่มา CNN

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT