ธุรกิจการตลาด

แสนสิริ กำไร 6,060 ล้านบาท พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี เติบโต 42%

1 มี.ค. 67
แสนสิริ กำไร 6,060 ล้านบาท พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี  เติบโต 42%

แสนสิริ สร้างปรากฏการณ์สุดฮือฮาประกาศผลประกอบการปี 2566 กวาดกำไรสุทธิสูงถึง 6,060 ล้านบาท เติบโตอย่างร้อนแรง 42% จากปีก่อน นับเป็นกำไรสูงสุดในประวัติศาสตร์ 40 ปีของบริษัท หรือ All-time high คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 15.5% จาก 12.2% ทุบสถิติใหม่ แซงหน้าทุกบริษัทในกลุ่มอสังหาฯ

 

แสนสิริ กำไร 6,060 ล้านบาท พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี เติบโต 42%

567417

ปี 2566 ปีทองของแสนสิริ กวาดรายได้รวม 39,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.7% จากปี 2565 แรงขับเคลื่อนหลักมาจากรายได้ที่เติบโตในเกือบทุกหน่วยธุรกิจ ยกเว้นรายได้จากโครงการเพื่อเช่าและรายได้ค่าบริการอื่น นอกจากนี้แสนสิริยังมีกำไรจากการขายทรัพย์สินและการขายที่ดินรวม 1,190 ล้านบาท

ตัวเลข 6,060 ล้านบาท คือตัวเลขกำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ) ของปี 2566 เติบโตอย่างโดดเด่น 42% จาก 4,280 ล้านบาทในปี 2565 ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 15.5% จาก 12.2% ในปีก่อน

รายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์

รายได้จากการขายโครงการในช่วงปี 2564-2566 สามารถวิเคราะห์แบ่งตามประเภทผลิตภัณฑ์ได้ตามตาราง ด้านล่างนี้

ประเภทสินค้า ปี 2564 ร้อยละ ปี 2565 ร้อยละ ปี 2566 ร้อยละ
บ้านเดี่ยว 12,753 ล้านบาท 48.70% 13,545 ล้านบาท 44.10% 15,096 ล้านบาท 46.00%
ทาวน์โฮม/อาคารพาณิชย์ 2,277 ล้านบาท 8.70% 3,784 ล้านบาท 12.30% 3,764 ล้านบาท 11.50%
มิกซ์ โปรดักส์ 2,633 ล้านบาท 10.10% 3,278 ล้านบาท 10.70% 3,262 ล้านบาท 9.90%
คอนโดมิเนียม 8,508 ล้านบาท 32.50% 10,109 ล้านบาท 32.90% 10,707 ล้านบาท 32.60%
รวม 26,170 ล้านบาท 100.00% 30,716 ล้านบาท 100.00% 32,829 ล้านบาท 100.00%

จากกราฟด้านบน ผลประกอบการปี 2566 ยอดขายโครงการ พุ่งสูงแตะ 32,829 ล้านบาท เติบโต 6.9% จากปี 2565 ทุบสถิติใหม่ สูงสุดในรอบ 40 ปี โดยแบ่งได้ดังนี้

  • บ้านเดี่ยวยังคงมาแรง : โครงการบ้านเดี่ยว ยังคงเป็น หัวจักรหลัก ของแสนสิริ โดยในปี 2566 มียอดขาย 15,096 ล้านบาท เติบโต 11.5% จากปี 2565 สูงสุด ในบรรดาประเภทผลิตภัณฑ์ทั้งหมด โครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา และ โครงการเศรษฐสิริ ดอนเมือง เป็น ดาวเด่น ที่ช่วยขับเคลื่อนยอดขาย
  • ทาวน์โฮมและมิกซ์โปรดักส์ทรงตัว : โครงการทาวน์โฮม มียอดขาย 3,764 ล้านบาท ทรงตัว เมื่อเทียบกับปี 2565 โดย โครงการเดมี่ สาธุ 49 ยังคงเป็น ตัวชูโรง ส่วนโครงการมิกซ์ โปรดักส์ มียอดขาย 3,262 ล้านบาท ทรงตัว เช่นกัน โครงการอณาสิริ ศรีนครินทร์-แพรกษา เป็น โครงการหลัก ที่ช่วยผลักดันยอดขาย
  • คอนโดมิเนียมยังแกร่ง : โครงการคอนโดมิเนียม มียอดขาย 10,707 ล้านบาท เติบโต 5.9% จากปี 2565 โครงการเอ็กซ์ที พญาไท โครงการเอ็กซ์ที ห้วยขวาง โครงการดีคอนโด พนา โครงการโอกะ เฮ้าส์ โครงการ เอดจ์เซ็นทรัล พัทยากลาง โครงการเดอะ เบส เพชรบุรี-ทองหล่อ และ โครงการเดอะ มูฟ บางนา เป็น โครงการหลัก ที่ช่วยสร้างยอดขาย
  • รายได้จากโครงการเพื่อเช่าลด : รายได้จากโครงการเพื่อเช่า ในปี 2566 อยู่ที่ 170 ล้านบาท ลดลง 19.1% จากปี 2565

 

ธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์ของแสนสิริ เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2566

100762

รายได้ค่าบริการธุรกิจ ในปี 2566 ของแสนสิริ บรรลุ 2,413 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.8% จากปี 2565 ปัจจัยหลัก ที่ขับเคลื่อนการเติบโตครั้งนี้ ได้แก่

  • รายรับจากการบริหารโครงการร่วมทุน ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น
  • ค่าตอบแทนพิเศษ (Incentive Fee) จากการบริหารโครงการร่วมทุนกับ บริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด

รายได้จากกิจการโรงแรม ที่แสนสิริเป็นเจ้าของ พุ่งสูง 190.7% แตะ 869 ล้านบาท ปัจจัยสำคัญ มาจาก

  • การเข้าลงทุนในโรงแรม SIXTY SoHo ประเทศสหรัฐอเมริกา ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566
  • รายได้ค่าบริหารโรงแรม มีการขยายตัว 4.7% จาก 548 ล้านบาทในปี 2565 เป็น 574 ล้านบาท ในปีนี้

อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าบริการอื่น มีการปรับลดลง 71.0% จาก 215 ล้านบาท ในปี 2565 เหลือ 62 ล้านบาท สาเหตุหลัก มาจาก การขายกิจการโรงเรียนสาธิตพัฒนา ในเดือนมีนาคม 2566

แสนสิริ มุ่งสู่เป้าหมายใหม่ในปี 2567

ปี 2567 นี้ แสนสิริพร้อมเดินหน้าลุยตลาดอสังหาริมทรัพย์ ด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการขยายพอร์ตสินค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 46 โครงการ มูลค่ารวม 61,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 10 โครงการ มูลค่า 14,000 ล้านบาท เน้นทำเลต่างจังหวัดและชานเมือง พร้อมทั้งขยายกลุ่มบ้านราคาแพง และกลับไปรุกหัวเมืองท่องเที่ยวและจังหวัดใหญ่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกเซ็กเมนต์ โดยปี 2567 แสนสิริตั้งเป้ายอดขาย 52,000 ล้านบาท และเป้ายอดโอนที่ 43,000 ล้านบาท พร้อมรักษาวินัยทางการเงินอย่างเข้มงวด รักษาระดับสภาพคล่องที่ 17,000 ล้านบาท

ด้านผลตอบแทนผู้ถือหุ้น แสนสิริยังคงมุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น โดยเตรียมประกาศจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท แบ่งเป็น

  • เงินปันผลระหว่างกาล จ่ายแล้วในเดือนกันยายน 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท
  • เงินปันผลงวดสุดท้าย จ่ายในเดือนพฤษภาคม 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท
  • คิดเป็น Dividend Yield ปี 2566 อยู่ที่ 10.8% 

 

5 อันดับผลประกอบการ บริษัทอสังหาฯ ที่มีกำไรมากที่สุดใน ปี 2566

อันดับ บริษัท รายได้ (ล้านบาท) กำไร (ล้านบาท) เปลี่ยนแปลง (%)
1 แสนสิริ 39,082 6,060 +42
2 เอพี (ไทยแลนด์) 38,399 6,054 +3
3 ศุภาลัย 31,818 5,989 -27
4 คิวเฮ้าส์ 9,237 2,503 +4
5 พฤกษา 26,132 2,205 -20
  • 1.แสนสิริ มีรายได้ 39,082 กำไร 6,060 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 42%
  • 2.เอพี (ไทยแลนด์) มีรายได้ 38,399 กำไร 6,054 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 3%
  • 3.ศุภาลัย มีรายได้ 31,818 กำไร 5,989 ล้านบาท ลดลงประมาณ 27%
  • 4.คิวเฮ้าส์ มีรายได้ 9,237 กำไร 2,503 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 4%
  • 5.พฤกษา มีรายได้ 26,132 กำไร 2,205 ล้านบาท ลดลงประมาณ 20%

สุดท้ายนี้ธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์ ของแสนสิริ แสดงผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในปี 2566 สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการที่มีประสิทธิผล และ ความเป็นผู้นำ ของแสนสิริในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ แสนสิริ ยังมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมและประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุด ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม พร้อมสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้น

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT