ธุรกิจการตลาด

EA ส่งหัวรถจักรไฟฟ้า ‘MINE Locomotive’ ทดลองวิ่งจริงแล้ว

13 ม.ค. 66
EA ส่งหัวรถจักรไฟฟ้า ‘MINE Locomotive’ ทดลองวิ่งจริงแล้ว

EA ส่งหัวรถจักรไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ ‘MINE Locomotive’ ทดลองวิ่งจริงสู่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ผลักดันระบบรางไทยเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

หลังจากมีนโยบาย EV on Train  เปลี่ยนหัวรถจักรรถไฟขากดีเซลให้เป็นไฟฟ้า การรถไฟแห่งประเทศไทยก็ได้ร่วมมือกับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA นำหัวรถจักรไฟฟ้าเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุดหัวรถจักร EV ‘MINE Locomotive’  เข้าสู่การทดลองวิ่งจริงแล้ว

โครงการนี้ทางบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ได้ร่วมกับ CRRC Dalian ผู้ผลิตรถไฟรายใหญ่จากประเทศจีน ได้รับโอกาสจากกระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ผลักดันนโยบาย EV on Train พร้อมร่วมมือกับภาควิชาการ เริ่มทดสอบระบบสับเปลี่ยนขบวน (Shunting) ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์

MINE Locomotive วิ่งไกล 300 ก.ม. ชาร์จเต็มภายใน 1 ชั่วโมง
­­

โดยหัวรถจักรไฟฟ้า (EV) หรือ “MINE Locomotive” มีขนาดแบตเตอรี่ขนาด 4.1 MWh สามารถวิ่งได้ระยะกว่า 300 กิโลเมตร ผสานเทคโนโลยีการอัดประจุ Ultra-Fast Charge ของ EA Anywhere ใช้เวลาชาร์จเพียง 1 ชั่วโมง และประหยัดต้นทุนพลังงานได้กว่า 40% เมื่อเปรียบเทียบกับหัวรถจักรดีเซล

MINE Locomotive  ออกแบบตามมาตรฐานการรถไฟไทยเพื่อการใช้งานหลากหลาย ทั้งการสับเปลี่ยนขบวน (Shunting) เข้าชานชาลาสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เพื่อลดมลพิษในอาคารผู้โดยสารและสามารถลากขบวนสินค้า (Cargo train) จาก ICD ลาดกระบังถึงแหลมฉบัง และขบวนโดยสาร (Passenger Train) ในเขตเมืองและระหว่างจังหวัด  ด้วยความเร็วสูงสุด (Max Operating Speed) 120 km/h พร้อม Regenerative Braking ที่สามารถชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่จากการเบรค  MINE Locomotive สามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว ลงทุนต่ำกว่าระบบไฟฟ้าเหนือหัวกว่าครึ่งและสามารถขยายได้ทั้งประเทศ

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) บอกว่า  นับเป็นโอกาสสำคัญในการพลิกโฉมประวัติศาสตร์การคมนาคมทางราง ที่จะขับเคลื่อนประเทศให้เข้าสู่สังคมปลอดคาร์บอนได้เร็วยิ่งขึ้น โดย EA ได้นำนวัตกรรมหัวรถจักรไฟฟ้า “MINE Locomotive” สู่เมืองไทยภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อสร้างประโยชน์ในทุกมิติและพร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐ เพื่อความมั่นคงทางด้านพลังงานและการคมนาคมของประเทศชาติ

EA เล็งเห็นว่า เทรนด์โลกกำลังเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานฟอสซิลไปสู่พลังงานไฟฟ้า นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของประเทศไทย ที่จะส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ยกระดับผลิตภัณฑ์โดยฝีมือของคนไทยที่ทัดเทียมกับนานาชาติได้อย่างก้าวกระโดด EA มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ “Green Product” โดยยกระดับการขนส่งด้วยยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั้งรถโดยสารไฟฟ้า (MINE Bus) รถกระบะไฟฟ้า (MINE MT30)  เรือโดยสารไฟฟ้า (MINE Smart Ferry) และ หัวรถจักรไฟฟ้า (MINE Locomotive) เพื่อตอบโจทย์การคมนาคมด้าน รถ-เรือ-ราง และจะกลายเป็นนวัตกรรมสำคัญที่จะช่วยสร้างอุตสาหกรรมให้กับประเทศไทยบนพื้นฐานความยั่งยืนให้เดินหน้าพร้อมสร้างความสมดุล ในการพัฒนาสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อม ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของภาคธุรกิจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคต (New S-curves) เพื่อพัฒนาประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ตามนโยบายภาครัฐที่มุ่งส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (BCG Economy) นายอมรกล่าวทิ้งท้าย

 

advertisement

Relate Post

SPOTLIGHT