ลุงผ่าตัดต้อกระจก ร้องเอาผิดหมอทำตาบอด - รพ.แจงสาเหตุ เกิดจากต้อหิน (คลิป)

21 ต.ค. 61
วันที่ 20 ต.ค. 61 นายสุรินทร์ เลิศทรัพย์อนันต์ ร้องเรียนว่าตัวเองเป็นผู้เสียหายจากการรักษาของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยอ้างว่า ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปี พ.ศ.2551 ได้ไปรักษาต้อกระจกตาด้านซ้ายจนหายเป็นปกติที่ทำการแห่งหนึ่งที่มีคนใจบุญเปิดให้รักษา พอต่อมาเมื่อช่วงปี พ.ศ.2552 ตนจะเดินทางไปรักษาต้อกระจกที่ตาด้านขวาที่แห่งเดิม แต่ปรากฏว่าสถานที่ดังกล่าวได้ปิดไปแล้ว
นักข่าวคุยกับนายสุรินทร์ เลิศทรัพย์อนันต์
ต่อมาตนจึงเดินทางไปรักษาที่โรงพยาบาลเลิดสิน เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2552 ซึ่งโรงพยาบาลบอกว่า ตาปกติดี ซึ่งได้ตรวจเลือด และร่างกายตามปกติ โดยตนรักษาตั้งแต่ปี 2552- 2558 ซึ่งตนก็อาจจะต้องไปหาหมอเดือน 1 ครั้งหรือ 2 เดือนครั้ง จนมาวันที่ 30 ก.ย. แพทย์ได้ผ่าตัดตาแล้วบริเวณเหนือคิ้วด้านขวามีเลือดออก ซึ่งตนก็ได้ร้องด้วยความเจ็บปวด พอวันรุ่งขึ้น (1 ต.ค.) แพทย์ได้ถามตนว่า “มองเห็นหรือไม่” ซึ่งตนก็ตอบว่ามองไม่เห็น หลังจากนั้นตนก็ไปรักษาที่โรงพยาบาลอยู่ จนมาวันที่ 6 ต.ค. ตนก็บอกเช่นเดิมว่าตามองไม่เห็น โดยการรักษาตอนแรกอยู่ที่ 18,000 บาท แต่พอตอนชำระจริงอยู่ที่ 13,000 บาท คล้ายกับการลดราคาในการรักษาแล้วนำมาสู่การไกล่เกลี่ย
นายสุรินทร์ เลิศทรัพย์อนันต์ ผู้เสียหาย
หลังจากเกิดเรื่อง ตนได้ส่งเรื่องไปที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ซึ่งหนังสือดังกล่าวมีข้อความระบุว่า “สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ขอเรียนว่าเรื่องดังกล่าว อาจเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 จึงได้ส่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวของท่านให้แพทยสภาพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย “ ต่อมาโรงพยาบาลได้นัดไกล่เกลี่ยเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 61 แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป จนมาถึงการนัดครั้งที่ 2 คือเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 61 โดยที่ประชุมมีรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลและคณะกรรมการมา พร้อมกับบอกว่าหากตนไปรักษาที่โรงพยาบาลใดก็จะออกค่าใช้จ่ายให้ตลอดชีวิต แต่ตนไม่รับ เพราะตาบอดไปแล้วจะให้รักษาอย่างไร นายสุรินทร์ เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตนก็ใช้เงินตัวเองในการรักษา และอยากออกมาเรียกร้องว่า ควรจะรับผิดชอบตาของตนที่บอดไป ซึ่งตั้งแต่เกิดเรื่องตนก็ไม่ได้ไปทำงาน ต้องให้ลูกทำงานหาเลี้ยง ประกอบกับค่าบ้านก็โอนให้ลูกเป็นผู้ชำระแทน ยอมรับว่าหลังจากตาข้างขวาบอดก็มีผลต่อการดำเนินชีวิต แล้วสงสัยว่าทำไมหลังเกิดเรื่องแพทย์ที่รักษาถึงไม่เคยแสดงความเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และหากทำให้ตาบอดก็ต้องชดเชย  ล่าสุดได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สน.ยานนาวา
นพ.สมพงษ์ ตันจริยภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน
นพ.สมพงษ์ ตันจริยภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเลิดสิน เปิดเผยว่า โรงพยาบาลอยากให้ผู้ป่วยเปลี่ยนสิทธิการรักษาบัตรทองมาเป็นของโรงพยาบาลรัฐเพื่อจะรักษาต่อ ส่วนเรื่องที่บอกว่าผ่าตัดจนทำให้ตาบอดนั้นไม่ใช่ความจริง แต่ดวงตาของผู้ป่วยแย่ลง เนื่องจากต้อหินทำให้จอประสาทตาเสื่อม แล้วเมื่อรักษามา 2 ปีอาการไม่ดีขึ้น จึงทำให้ตาบอด ซึ่งตาที่บอดไม่ได้เกิดจากการรักษาต้อกระจกแต่อย่างใด ส่วนเรื่องการรักษาที่ลดลงมาจาก 18,000 บาท เหลือ 13,000 บาท เป็นเรื่องของน้ำยาที่ใช้ในห้องผ่าตัด ซึ่งยาดังกล่าวเปิดใช้ร่วมกันได้ 2 คนแต่หมอได้เบิกมาให้คนไข้คนแรกที่ใช้สิทธิ์ของราชการ จึงทำให้ผู้ป่วยคนนี้ได้ใช้โดยที่ไม่คิดเงิน ซึ่งตอนแรกวงเงิน 18,000 บาทเป็นการประเมินร่วม ทั้งนี้ นพ.สมพงษ์ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้เจรจาไกล่เกลี่ยแล้วแต่ผู้ป่วยไม่เข้าใจ แต่ก็คงต้องนัดเจรจาไกล่เกลี่ยกันต่อไป ซึ่งโรงพยาบาลก็เข้าใจว่าผู้ป่วยนั้นตาบอดก็รู้สึกเห็นใจเช่นกัน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ