จากกรณีเรื่องราวขอความช่วยเหลือจากหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งได้รับการเผยแพร่โดยเพจ "อีซ้อขยี้ข่าว 2" ที่หญิงสาวคนหนึ่งอัดคลิปขอความช่วยเหลือ เพราะถูกหลอกไปทำงานที่ดูไบ ในร้านนวด แต่ถูกบังคับให้ขายบริการนั้น
วันที่ 20 ก.ย. 64 ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านของ น.ส.สายสมร สาวที่โดนหลอกไปขายบริการที่ดูไบ บ้านท่าตะสี ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว พบว่าบ้านเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น สภาพคอนข้างเก่า หลังคากับข้างฝามุงด้วยสังกะสี มีลูกน้อย 3 คน มีแม่ช่วยเลี้ยงดูเด็ก ๆ ทั้งบ้านมีหลาน ๆ และญาติคนอื่น ๆ อยู่อีกรวม 9 คน
นางสาว อายุ 58 ปี แม่ของผู้เสียหาย เปิดใจว่า ลูกสาวเคยไปทำงานเกาหลีเมื่อปีก่อน ไปทำงานร้านนวดได้ 3 เดือน เดือนแรกโดนหลอก ไม่ได้เงิน ลูกสาวโทรกลับมาบอกว่าอยากกลับบ้าน ตนเองได้แต่ปลอบใจบอกว่าให้ทนเอา ขณะเดียวกัน ก่อนที่ลูกสาวจะไปทำงานที่ประเทศเกาหลี ตนเองไปได้ไปกู้เงินกับเจ้านายเก่า 50,000 บาท เพื่อเป็นค่าเครื่องบิน และค่าใช้จ่ายในการทำงาน
หลังจากนั้นทำงานได้ 3 เดือน ลูกสาวกลับมาบ้านได้ใช้เงินคืนเจ้านายเก่า 50,000 บาท และเหลือเงินอีกเล็กน้อย เอามาใช้จ่ายกินอยู่ในครอบครัว หลังจากนั้น ลูกสาวอยู่บ้านได้หลายเดือน ก่อนจะบอกว่าอยากไปทำงานที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต
ลูกสาวบอกว่าอยากไปหาเงินให้ลูก ๆ อยากหาเงินมาสร้างบ้านหลังใหม่ อยากให้แม่อยู่อย่างสบาย ตนเองก็ไปหยิบยืมเงินจากคนรู้จัก 30,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 10 ลูกสาวไปวันที่ 14 ก.ย. ไปตรวจร่างก่ายที่กรุงเทพฯ ก่อนจะบินไปดูไบ เมื่อลูกสาวไปถึงแล้ว วันที่ 16 ก.ย. โทรมาบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงถึงดูไบแล้ว หลังจากนั้นไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
นางสาวสะอื้นร้องไห้ บอกว่า จนกระทั่งเพื่อนบ้านมาบอกว่านักข่าวมาหา แม่และญาติ ๆ รู้ว่าลูกสาวโดนหลอกไปทำงาน ยอมรับว่า ใจจะขาด ใจแม่แทบสลาย อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และนักข่าวช่วยเหลือด้วย อยากให้ลูกสาวกลับมาบ้าน แม้ไม่มีบ้านหลังใหญ่โตอยู่แบบคนอื่นเขาก็ไม่เป็นไร ก่อนไปบอกว่าเขาไปทำงานนวด ตนเองก็เป็นห่วง แต่ลูกสาวก็ยังบอกว่า "เขาไม่เอาไปทำอะไรหรอก"
น.ส.แอนนา (นามสมมติ) เพื่อนบ้าน เปิดใจว่า ก่อนหน้านี้ตนเองก็เคยไปทำงานที่ประเทศเกาหลี แต่ก่อนไปต้องไปเรียนนวดก่อน โดยเอเจนซีจะสอนเรื่องการนวด ประมาณ 2 สัปดาห์ เมื่อเรียนจบแล้ว เอเจนซีดำเดินเรื่องซื้อตั๋วเครื่องบินให้ โดยค่าเครื่องบิน เอเจนซีจะออกให้ แล้วไปหักเงินที่เกาหลี ค่าตั๋วเครื่องบินประมาณ 45,000 บาท งานที่ทำจะมีนวด และอีกแบบคือขายบริการ ช่วงแรกที่ไปมีปัญหาเจอลูกค้าลวนลาม ทางผู้ดูแลก็จะเคลียร์กับลูกค้าให้ บอกว่าตนไปนวดเฉย ๆ ตอนไปช่วยแรกยอมรับว่าลำบาก การอยู่กิน และการสื่อสารการใช้ภาษา ส่วนเงินที่ได้ก็ไม่ได้มาก ได้เงินเดือนละ 6-7 หมื่นบาท ไปทำงานได้ 3 ปี และกลับมาเมืองไทย เพื่อกลับมาทำวีซ่า กลับไปหาแฟน เพราะตนเองได้แฟนเป็นคนเกาหลี
น.ส.ส้มโอ (นามสมมติ) เพื่อนของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเองทราบเหตุจากเพื่อนได้ไม่นานก่อนจะมีการส่งเรื่องให้เพจอื่น ๆ โดยเพื่อนบอกว่าอยากจะกลับบ้าน แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร โดยเพื่อนขอร้องให้ตนเองและกลุ่มเพื่อนช่วยประสานตัวกลับบ้าน ส่วนที่เพื่อนไปดูไบนั้นน่าจะมีการติดต่อกับนายหน้าไป ซึ่งก่อนหน้านี้เพื่อนเคยไปประเทศเกาหลีมาแล้ว น่าจะมีคนรู้จักในการประสานงาน การไปทำงานต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะไปทำงานนวด บางคนก็มีแฟนมีครอบครัวที่ต่างประเทศ เท่าที่รู้จากเพื่อนก็ตั้งใจไปนวด เพราะตอนไปเกาหลีก็ไปนวดเช่นกัน เพื่อนไม่ทราบว่าการเดินทางไปต่างประเทศ จะได้ไปขายตัว ยอมรับว่าตกใจ ซึ่งเพื่อนไม่ใช่คนยอมแพ้ง่าย ๆ แต่ครั้งนี้เพื่อนน่าจะทนไม่ไหว รับไม่ได้ ถึงขั้นร้องไห้ขอความช่วยเหลือ
ตนเองยอมรับว่าหากเรื่องนี้เป็นข่าวแล้ว คนก็กลัวว่าคนที่ดูไบเห็นแล้วเพื่อนจะเป็นอันตราย เพราะเพื่อนไม่มีใคร เท่าที่เพื่อนบ้านระบุว่ามีคนไปทำงานด้วยจำนวนมาก แต่ไม่รู้จักใครเลย จะรู้จักวันที่ไปเจอกันวันเดินทาง เพื่อนเดินทางไปจากบ้าน 14 ก.ย. 64 ช่วงเย็น จากนั้นไปนอนห้องเพื่อนอยู่ที่ จ.นนทบุรี ส่วนเงินที่ใช้การเดินทางที่ระบุว่าต้องจ่ายถึง 30,000 บาท ตนไม่แน่ใจ แต่น่าจะเป็นเงินที่ซื้อของวันเดินทาง เท่าที่รู้เพื่อนบอกว่าต้องทำงานใช่หนี้คืน 60,000 บาท คล้ายเป็นค่าธรรมเนียม
