ประชาชนหลายร้อยคนยังคงทยอยอพยพหนีตายออกจากเมืองมาราวี ซิตี้ บนเกาะมินดาเนา ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่องในวันศุกร์ (26 พ.ค.) หลังจากที่วิกฤตกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ “เมาเต” บุกยึดเมืองยังไม่คลี่คลาย และทำให้เริ่มเกิดคำถามของศักยภาพของรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต ในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
รายงานข่าวล่าสุดจากสื่อท้องถิ่นของฟิลิปปินส์ ระบุ วิกฤตกลุ่มเมาเตบุกยึดเมืองมาราวี ซิตี้ซึ่งเป็นบ้านของประชากรมากกว่า 200,000 คน ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่เมื่อวันอังคาร (23 พ.ค.) ได้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตที่เป็นพลเรือนแล้วอย่างน้อย 46 ราย ขณะที่สมาชิกกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลฟิลิปปินส์ซึ่งมีทั้งทหาร-ตำรวจ เสียชีวิตแล้ว 11 นาย
ในส่วนของกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์เมาเตนั้น ทาง เรสติตูโต ปาดิญา โฆษกกองทัพฟิลิปปินส์แถลงว่า มีสมาชิกกลุ่มเมาเต ถูกสังหารไปแล้วอย่างน้อย 31 รายตลอดการปะทะกับกองกำลังความมั่นคงฟิลิปปินส์ในช่วงเกือบ 4 วันที่ผ่านมา และมีข้อมูลที่น่าสนใจว่า ในบรรดานักรบกลุ่มเมาเตที่ถูกสังหารนั้น มีพลเมืองต่างชาติทั้งของสิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย รวมอยู่ด้วย
รายงานระบุว่า กระแสการอพยพหนีตายของประชาชนออกจากเมืองมาราวี ซิตี้ ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่เลือกจะอพยพไปอาศัยกับญาติพี่น้องในพื้นที่ส่วนอื่นๆของเกาะมินดาเนา ขณะที่หลายครอบครัวตัดสินใจอพยพออกจากเกาะแห่งนี้ไปเลย และประกาศจะไม่กลับมายังเมืองมาราวี ซิตี้ เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย แต่ก็มีอีกหลายครอบครัวที่ยังคงติดค้างอยู่ในพื้นที่ที่มีการสู้รบ และถูกตัดขาดจากโลกภายนอก