เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 64 เวลาประมาณ 04.00 น. มีคนพบศพ 2 คนแขวนคอตายอยู่กับต้นกระถิน ในป่าละเมาะท้ายหมู่บ้านบ้านใหม่ วัดไตสามัคคี หมู่ 2 ต.ข่วงเปา อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ โดยทั้ง 2 ศพอยู่ห่างกันประมาณ 1 เมตร
ศพแรกเป็นผู้ชายทราบชื่อ นายศักดิ์ ทารินทร์ หรือ สุข อายุ 64 ปี ใช้เชือกผูกคอกับต้นกระถินต้นขนาดกลาง สภาพศพนอนฟุบกับพื้น ก้มหน้า ลิ้นจุกปาก สวมกางเกงขายาวสีดำ สวมเสื้อแขนสั้นสีน้ำตาลและสวมรองเท้าแตะ เป็นพ่อของ น.ส.วนิดา ทารินทร์ หรือ ปิ่น อายุ 25 ปี ใช้เชือกผูกคอกับต้นกระถินต้นขนาดเล็กในลักษณะเดียวกัน สภาพศพนั่งพิงกับต้นกระถิน สวมกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ สวมทับด้วยเสื้อยีนส์สีน้ำเงิน ลิ้นจุกปาก และจากการชันสูตรพลิกศพโดยทีมแพทย์และญาติ ไม่พบร่องรอยของการต่อสู้หรือถูกทำร้าย
วันที่ 5 ส.ค. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ พบว่าเป็นป่าละเมาะที่เต็มไปด้วยต้นกระถิน ติดกับทุ่งนาตรงด้านหลังวัดไตสามัคคี และเป็นที่ดินแปลงผักของผู้ตาย
พระอาจารย์ทวีศักดิ์ เจ้าอาวาสวัดไตสามัคคี ต.ข่วงเปา เปิดเผยว่า พ่อลูกเป็นชาวบ้านดงหลวง หมู่ 11 ต.วังผาง อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน แต่มีที่ดินอยู่บริเวณนี้จึงมาปลูกผัก ก่อนหน้านี้ผู้ตายทั้ง 2 คนก็ขับรถเข้ามาทำไร่ ทำสวนอยู่บ่อย ๆ แต่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ช่วงที่เกิดเหตุเป็นช่วงกลางคืน ตนไม่เห็นว่ามีใครเข้าออกบ้าง มารู้อีกทีก็ตอนเช้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเชิญให้มาสวดอันเชิญดวงวิญญาณ พร้อมกับกรวดน้ำให้กับผู้ตาย เท่าที่รู้สาเหตุการเสียชีวิตของทั้งคู่เกิดจากความเครียดเรื่องหนี้สิน คนเป็นลูกเล่นพนันออนไลน์จนเป็นหนี้เป็นสิน พ่อก็พยายามช่วยเคลียร์ให้หลายรอบ แต่ลูกก็ไปเล่นมาอีก จนจ่ายไม่หมดสักที
ส่วนตัวพระอาจารย์ไม่ได้รู้สึกแปลกใจ มองว่าถ้าญาติไม่ติดใจก็ถือเป็นเรื่องโลกธรรม ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นกฎธรรมชาติที่มนุษย์ทุกคนต้อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย แม้แต่พระพุทธเจ้า กิจของตนหลังจากนี้ก็ทำได้แค่สวดมนต์ นั่งสมาธิ เดินจงกรมเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ตาย ให้ไปสู่สุคติ สู่สรวงสวรรค์ตามกรรมที่เคยสร้างไว้ แม้จะไม่ใช่พี่น้องก็ตาม ในวันเสาร์ที่ 7 ส.ค. ญาติก็จะมีการทำพิธีฌาปนกิจศพ ที่วัดบ้านดงหลวง ต.วังผาง อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน บ้านเกิดของผู้ตาย
นางคำป้อ ทารินทร์ อายุ 61 ปี ภรรยาและแม่ของผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนไม่เคยรู้เรื่องราวของทั้งคู่เลย เวลาลูกสาวมีปัญหาอะไรก็ไม่เคยจะปรึกษากับตน เพราะตนมีโรคประจำตัวหลายอย่างทั้ง ความดัน ไขมัน และปวดเมื่อยขาแข้ง กลัวว่าหากรับรู้เรื่องเครียดจะส่งผลต่อสุขภาพ ส่วนใหญ่จึงเลือกเข้าไปปรึกษาพ่อ คาดว่าทำให้ทั้งคู่รู้ปัญหาและเก็บอยู่กันแค่ 2 คน ก็เลยเครียด หาทางออกไม่ได้ สุดท้ายตัดสินใจฆ่าตัวตายไปพร้อมกัน
เท่าที่ตนรู้มาคือเมื่อประมาณปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ลูกสาวบ่นกับพ่อเขาว่าโดนโกง ตนก็เลยถามสามีเขาก็บอกว่าลูกสาวเอาเงิน 17,000 บาทไปต่อยอด คล้ายกับปล่อยกู้ให้กับคนในออนไลน์หลายคนแล้วกินดอกเบี้ย แต่เมื่อครบกำหนด คนที่กู้หนีไม่ยอมจ่าย ลูกสาวก็เลยเครียด ในขณะที่ภาระอื่นของลูกสาวก็ยังมีคือ ค่าผ่อนไฟแนนซ์รถมอเตอร์ไซค์ และรถยนต์ที่ออกมาพร้อมกัน ต้องผ่อนรวมเดือนละ 3,800 บาท เหลืออีกประมาณ 9 เดือน แต่เงินเดือนของลูกสาวที่ทำอยู่ในบริษัท ได้แค่เดือนละ 15,000 บาท
ต่อมาก็เห็นว่าสามีไปยืมเงินเพื่อนบ้านและญาติอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่มีใครให้ เพราะทุกคนก็เดือดร้อนจากวิกฤตโควิด-19 เหมือนกัน สาเหตุที่ทั้งคู่ถึงไปผูกคอที่ป่าละเมาะ เพราะที่ตรงนั้นลูกสาวเช่าไว้สำหรับทำนา 1 ไร่ และปลูกผักอีก 1 ไร่ ต้องจ่ายเดือนละ 4,000 บาท แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย แค่เตรียมเอาไว้ ก็ดันมาเสียชีวิตกันไปก่อน
"หลังจากนี้คงต้องสู้ให้ได้มากที่สุด ไม่รู้เหมือนกันว่าลูกมีหนี้ที่ไหนบ้าง จะหาเงินที่ไหนมาใช้แทนลูก ต่อไปอาจจะต้องหามากินไป มีเท่าไรก็กินเท่านั้น โชคดีที่ยังมีเงินผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาท หรือไม่ก็ต้องพึ่งพี่ชายอายุ 70 ปีที่อยู่ใกล้บ้าน และชาวบ้านไปก่อน"
สุดท้าย ตนก็อยากจะบอกกับทั้งคู่ว่า "ขอให้ไปอย่างมีความสุข ไปอยู่ให้สบายใจ แม่จะสู้ต่อไป มีอะไรก็จะกินอย่างนั้น" พร้อมเปิดกระเป๋าใบโปรดที่ลูกสาวซื้อให้ตอนจบปริญญาตรี มีนาฬิกาที่ลูกสาวรักมาก ก็จะเก็บไว้ดูต่างหน้าแทนทั้งคู่
โดยช่วงก่อนกิดเหตุ 4 ส.ค. ช่วงเวลา 02.00 น. เพื่อนบ้านก็ได้รับโทรศัพท์จากน้องปิ่น โทรมาบอกว่า "พ่อจะโดดน้ำตาย มาช่วยหน่อย" เพื่อนบ้านจึงรีบไปตรงบริเวณป่าละเมาะริมแม่น้ำปิง ลุงสุขกำลังตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำ มีต้นกกอยู่เต็มริมตลิ่ง ลูกสาวกำลังว่ายน้ำลงไปช่วย เพื่อนก็เลยรีบกระโดดลงไปพาตัวทั้ง 2 คนขึ้นมายังริมตะลิ่ง ก่อนจะไปเกิดเหตุการณ์ผูกคอตายนั้น
ความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊กของผู้ตาย ข้อความสร้างกำลังใจให้ตัวเองว่า "รู้ว่าทุกคนรัก จะรักตัวเอง", "ช่างมันเถอะชีวิต หากมันจะเป็นเช่นไร ที่ผ่านมาถือว่าเราเต็มที่ทำดีที่สุดแล้ว เอาอะไรมากมายกับชีวิต เริ่มจาก 0 หากมันจะล้มอีกครั้ง อย่างมากก็แค่เท่าทุน"
ผู้ตายโพสต์ข้อความเชิงตัดพ้อตัวเองว่า "ชีวิตกูนี่มันดาวน์ได้มากกว่านี้อีก" และ "ให้มันผ่านไปเป็นวันๆ ตั้งใจทำใหม่ คิดใหม่ วันนี้เริ่มต้นใหม่ หาทางใหม่"
วันที่ 14 มกราคม 2564 ข้อความขอโทษพ่อแม่ "ขอโทษพ่อกับแม่ที่ทำให้เสียใจ ไม่น่าตัดสินใจแบบนั้นเลยจริงๆ ถ้าวันนั้นจมลงไป วันนี้คงไม่รู้ว่าใครรักเรา รักได้ขนาดนี้" กระทั่งวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ข้อความว่า "แผนที่วางไว้ทั้งหมดพังเพราะตัวเองทั้งนั้น"
