เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 12 ก.ค. 64 ตำรวจ สภ.ตูคต รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตภายในห้องเช่าไม่มีเลขที่ ในซอยชื่นสิน 4 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ที่เกิดเหตุภายในห้องเลขที่ 11 ชั้นที่ 2 พบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 ราย ทราบชื่อนางกชกร ไหล่ประดัษฐ์วงศ์ อายุ 50 ปี ชาวคูคต นอนเสียชีวิตอยู่บนที่นอน ในสภาพสวมเสื้อแขนสั่นสีขาวคอกลม กางเกงขาสั้นสีน้ำตาล พบมีลอยเขียวช้ำ ปวดบวมที่ตาข้างขวา
สอบถามผู้ที่เป็นแฟนนั่งอยู่ข้างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อนายเอนก มีอาษา อายุ 55 ปี ชาวคูคตลำลูกกา ทั้งคู่เป็นแฟนที่คบหากันมาได้ประมาณ 8 ปี ไม่มีลูกด้วยกัน อดีตต่างคนต่างเคยมีครอบครัว ย้ายมาอยู่ห้องเช่าจุดเกิดเหตุได้ประมาณ 6 เดือน นั้น
วันที่ 12 ก.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังหอพักจุดเกิดเหตุ พบว่าเป็นหอพักไม่มีเลขที่ อาคาร 2 ชั้น ชั้นละ 6 ห้อง ด้านหน้าห้องยังคงมีรองเท้าของผู้ตายวางอยู่ 1 คู่ ส่วนภายในห้องมีการจัดเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ ยังไม่มีการเก็บของออกจากห้องเช่า
นายเอนก แฟนของผู้เสียชีวิต ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ถึงแก่ความตาย และเตรียมดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติด ส่วนครอบครัวของคนตายยังอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ และกำลังวุ่นเกี่ยวกับการจัดงานศพ จึงไม่ได้เดินทางมาเก็บของออกจากห้องเช่า
ซึ่งทีมข่าวสังเกตว่าภายในห้องผู้ตาย บนที่นอนที่เป็นผ้าปูที่นอนลายการ์ตูนสีเทา มีเลือดของผู้ตายติดอยู่ มีลักษณะติดเป็นหยด ๆ หลายจุด เกิดจากการถูกทำร้ายครั้งล่าสุดก่อนที่จะเสียชีวิต ภายในห้องยังมีตะกร้าใส่ยา และของใช้ส่วนตัวของผู้ตายวางอยู่ใกล้ ๆ ที่นอน และมีข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวเก็บเอาไว้อยู่ส่วนหนึ่ง
มีขวดเหล้าขาวซึ่งบรรจุอยู่ในขวดพลาสติก 3 ขวดวางอยู่ในห้อง ซึ่งเป็นขวดเหล้าขาวของนายเอนก คนก่อเหตุ ที่มักดื่มกินตลอดเวลา อีกทั้งยังพบว่ามีภาพถ่ายติดอยู่ข้างฝา เป็นภาพของนายเอนกสมัยที่เป็นนักดนตรี และยังมีโน้ตกีตาร์วางอยู่ข้างโทรทัศน์
นางสาวมิน (นามสมมติ) เพื่อนข้างห้องของผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเองอาศัยอยู่ข้างห้องของผู้ตาย เหตุการณ์ผัวเมียทะเลาะกันถือว่าเป็นเรื่องปกติ และคุ้นชินกัน ตนเองจะได้ยินสัปดาห์หนึ่งไม่ต่ำกว่า 3-4 ครั้ง ส่วนใหญ่เท่าที่จะได้ยินก็คือเรื่องของความหึงหวง ที่นายเอนกฝ่ายชายจะคอยหึงทางด้านของนางกรกช คนตาย ประกอบกับนายเอนกและนางกรกชเป็นคนที่ชอบดื่มเหล้าทั้งคู่ จึงทำให้เกิดการขาดสติ และทะเลาะกันเป็นประจำ ส่วนใหญ่ก็จะเห็นตบตี แต่ก็ไม่รุนแรงเท่าครั้งนี้ที่ทำให้ถึงตาย
ซึ่งทุกครั้งที่ทั้งคู่ทะเลาะกัน เพื่อนบ้านก็จะได้ยินเสียงทุกครั้ง โดยเฉพาะช่วงแรก ๆ ที่ทั้งคู่ย้ายมาอยู่ที่ห้องเช่า จะได้ยินเสียงของนางกรกช คนตาย ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ "ช่วยด้วย" บางครั้งก็ร้องขอให้นายเอนกหยุดทำร้ายร่างกาย "อย่าพี่ ขอร้อง พอได้แล้ว หนูเจ็บ" หลังจากทุกครั้งที่เห็นทั้งคู่ทะเลาะกัน ไม่นานเมื่อทุกอย่างสงบลงทั้งคู่ก็จะนอนพูดคุยกันอย่างเป็นปกติ จึงทำให้เพื่อนข้างห้อง และคนในละแวกนี้ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเพราะเป็นเรื่องของผัวเมีย มีหลายครั้งที่นางกรกชวิ่งออกมาจากห้อง เพื่อขอเข้ามาหลบที่ข้างห้อง แต่เหตุการณ์ครั้งล่าสุด เป็นเหตุการณ์ที่ค่อนข้างรุนแรงเกินกว่าเหตุ
โดยตนเองได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องอยู่ภายในห้อง พูดทำนองว่า "ฉันไม่ได้มีคนอื่น และไม่มีใคร" จากนั้นก็ได้ยินเสียงของนายเอนกทุบตีนางกรกช และมีบางช่วงที่ได้ยินคล้ายกับจับหัวโขกกับพื้น และฝาผนังดังลั่นห้องเช่า แม้แต่คนที่อยู่ข้างห้องหรือคนที่อยู่ข้างล่างก็ได้ยินเสียงกระแทกอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน ซึ่งก่อนที่นางกรกชจะเสียชีวิตช่วงหัวค่ำ เจ้าตัวได้เดินมาทักทายพูดคุยกับคนในห้องเช่า ด้วยสภาพใบหน้าช้ำเขียว หัวปูดบวม และมีรอยพกช้ำตามตัว แต่ก็ยังดูแข็งแรงปกติ
จากนั้นเจ้าตัวได้กินยาพาราเซตามอลไปประมาณ 2 เม็ด แล้วกลับไปที่ห้อง กินเหล้าขาวของนายเอนกที่วางอยู่ในห้อง จากนั้นก็มีลักษณะคล้ายคนดีด เดินไปมาทั่วห้อง กระทืบเท้าเสียงดัง จากนั้นได้ยินเสียงนายเอนกตะโกนถามนางกรกชว่า "เป็นอะไร เป็นอะไร บอกพี่หน่อย" จากนั้น นางกรกชก็ล้มตัวลงนอน พร้อมกับอยู่ในอาการชักเกร็ง ก่อนที่จะหมดสติ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ซึ่งตอนนั้นนายเอนกก็วิ่งมาบอกให้เพื่อนบ้านเข้าไปดูอาการ แต่หลังจากที่เข้าไปดูพบว่าเจ้าตัวก็นอนตัวแข็ง สภาพตัวซีดไปแล้ว
ขณะเดียวกันทีมข่าว ยังได้เดินทางย้อนกลับไปที่ร้านขายของชำ จุดที่นายเอนกคนก่อเหตุ ได้นั่งดื่มสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน ก่อนที่จะเกิดความเข้าใจผิด แล้วกลับไปที่ห้องเพื่อทำร้ายร่างกายนางกรกช นางสุ (นามสมมติ) เจ้าของร้านขายของชำ เล่าว่า ในวันเกิดเหตุ จำได้ว่าเป็นช่วงประมาณสัปดาห์ที่ผ่านมา นายเอนกได้มานั่งดื่มสังสรรค์กับเพื่อนที่ร้าน และช่วงค่ำนางกชกรมาตามที่ร้านเพื่อให้กลับห้อง จากนั้นได้มีการหยอกล้อเล่นกันระหว่างเพื่อนของนายเอนกกับตัวของนายเอนก ทำนองว่า "แฟนของมึงก็เคยเป็นเมียของกูมาก่อน" จึงทำให้นายเอนกเกิดความโกรธ มีเรื่องกับเพื่อน จากนั้นก็ได้ไปมีเรื่องกับนางกชกร พร้อมกับพาขึ้นรถมอเตอร์ไซค์กลับไปที่ห้อง เมื่อไปถึงคาดว่าทั้งคู่อาจมีปากเสียง และทะเลาะกันอย่างรุนแรง
ซึ่งเหตุการณ์ที่ร้านขายของชำในวันนั้น ก็เป็นลักษณะของการหยอกล้อคุยเล่นกันมากกว่า เพราะโดยปกติเวลาที่เพื่อนของนายเอนกเมา ก็มักจะพูดหยอกล้อเล่นเป็นเรื่องปกติ แต่เท่าที่ตนเองรู้จักกับนางกรกชคนตาย ก็ไม่ได้มีนิสัยอย่างที่เพื่อนของนายเอนกพูดถึง เพราะคนตายรักนายเอนกมาก ไม่ได้มีปันใจไปชอบหรือคบกับชายอื่น
ที่ผ่านมา เห็นว่านายเอนกจะเป็นคนที่มักใช้ความรุนแรงหลังจากที่ดื่มเหล้า หลายครั้งมีการทำร้ายร่างกายกลางร้านขายของชำ ตนเองถึงขั้นต้องเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับนายเอนกไปส่งโรงพัก และไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียว ครั้งใดก็ตามที่มีการทำร้ายร่างกายนางกชกร ตนเองก็จะเป็นคนแจ้งตำรวจทุกครั้ง ตำรวจจับกุมตัวไปที่โรงพักแล้วเมื่อสงบสติอารมณ์ได้ก็จะปล่อยกลับมา จึงไม่รู้ว่าการที่โดนจับบ่อย ๆ จะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้นายเอนกเกิดความโกรธหรือไม่
ส่วนความคืบหน้าทางคดี ตำรวจ สภ.คูคต ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหานายเอนก แฟนของนางกชกร ในข้อหาทำร้ายผู้อื่นให้ถึงแก่ความตาย และตอนนี้รอผลตรวจสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งหากยืนยันว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในข้อหาเสพยาเสพติด อีกทั้งตอนนี้ได้มีการฝากขังต่อศาลแล้ว
นางกร (นามสมมติ) เพื่อนของคนตาย คนที่เจอกับคนตายคนสุดท้าย ก่อนที่จะพบเป็นศพ เปิดเผยว่า ทั้งคู่มักมีปากเสียง และทะเลาะกันบ่อยครั้ง จนทุกคนมองเป็นเรื่องที่คุ้นชินไปแล้ว บางครั้งก็เป็นการทำร้ายร่างกายกันภายในห้อง 2 ต่อ 2 แต่บางครั้งก็ตบตีกันต่อหน้าเพื่อน ต่อหน้าคนในชุมชน ส่วนใหญ่ก็เกิดจากอาการหลอนคิดไปเอง หรือเพราะด้วยอาการมึนเมา เพราะเนื่องจากฝ่ายชายมีอาการคล้ายคนโรคจิต ชอบทำร้ายร่างกายฝ่ายผู้หญิง ทั้งที่ผู้หญิงก็ไม่ได้มีใครอื่น
นางกร ยอมรับว่า แทบทุกวันตนเองก็จะเห็นใบหน้าของนางกรกชมีรอยช้ำเขียว จากการทุบตีและทำร้ายร่างกาย บางครั้งถึงกับเลือดตกยางออก มือฉีกเป็นแผล ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ก็ไม่คิดว่าในวันเกิดเหตุนายเอนกจะมีการทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงกับนางกรกช ถึงแม้ว่าตนเองจะอาศัยอยู่ชั้นล่างที่ตรงกับห้องของคนตาย แต่ก็ยังได้ยินเสียงคนทะเลาะกันรุนแรง โดยเชื่อว่านายเอนกมีการจับหัวของนางกรกช โขกกับผนังและพื้น เพราะเสียงดังลั่นตึก จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นตนเองก็เจอกับนางกรกช เจ้าตัวได้มีการสวมใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้า พร้อมทั้งใส่แว่นตาดำและตอนที่เดินผ่าน มีการทักทายพูดคุยกับตนเอง ถอดหน้ากากอนามัยและแว่นตา พูดว่า "พี่ยังสวยเหมือนเดิมไหม" ซึ่งตอนนั้นตัวเองก็ตกใจ เพราะเห็นตาของนางกรกชช้ำเขียว ตามตัวมีรอยพกช้ำ และมีลักษณะหัวปูดบวม ตนเองบอกให้เจ้าตัวไปโรงพยาบาลก็ไม่ยอมไป มีลักษณะดื้อหัวแข็ง ตนเองจึงเชื่อว่าเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นางกรกชเสียชีวิต เพราะได้รับการกระทบกระเทือนในสมอง แล้วไม่ยอมไปโรงพยาบาล จึงทำให้อาการทรุดและเสียชีวิตภายในห้องพัก
และตอนที่ตนเองมีโอกาสเจอกับนางกรกช ในวันเดียวกันก่อนที่จะเสียชีวิต เจ้าตัวเดินลงมาจากตึก แล้วกำลังจะไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ แต่นางกรกชเดินเลี้ยวขวา ตนเองก็ตะโกนถามว่าจะไปร้านสะดวกซื้อแต่ทำไมเดินไปทางโน้นผิดทาง เจ้าตัวได้หยุดคิด และพูดกลับมาว่า "เออใช่ พี่เบลอไปหมด" ซึ่งตนเองสังเกตว่าในวันเดียวกันก่อนที่จะเสียชีวิต นางกรกชมีอาการคล้ายคนเบลอ เพราะเนื่องจากได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง เชื่อว่าเป็นอาการเริ่มต้นบ่งบอกก่อนที่จะเสียชีวิต ส่วนตัวในฐานะเพื่อนของคนตาย อยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะเป็นเรื่องของความรุนแรงในครอบครัว อย่างน้อยก็ให้นายเอนกชดใช้ในสิ่งที่ก่อเอาไว้
