จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ Return" โพสต์คลิปเด็กชายขายพวงมาลัย ที่กำลังหิ้วบริเวณคอสุนัข ระบุว่า "ทารุณน้อนนนทำไมม.. ฝากเพื่อนๆในกลุ่มแถวนั้นช่วยดูให้หน่อยค่ะ เด็กขายพวงมาลัย บริเวณแยกคลองเตย (ข้างตึก fyi canter ) ทารุนหมา ตอนนี้น้องหมาดูอิดโรยมาก พบเจอวันที่ 7 กรกฎา ช่วงเที่ยงค่ะ..."
ล่าสุด วันที่ 7 ก.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังบริเวณสี่แยกคลองเตย แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ สี่แยกที่มีการจราจรค่อนข้างแน่น มีคนขายพวงมาลัยประมาณ 4-5 คน แต่ไม่พบเด็กชายคนดังกล่าว
นางยุ้ย (นามสมมติ) อายุ 35 ปี แม่ของเด็กชายมอส อายุ 11 ปี เปิดเผยว่า ซึ่งช่วงที่มีภาพเผยแพร่ ตนเองได้ไปเลี้ยงหลานบริเวณใกล้เคียง และไม่ได้ออกมาที่สี่แยกคลองเตย ปัจจุบันลูกชายตนเองปิดเทอม จึงออกมาขายพวงมาลัยบริเวณดังกล่าว และนำสุนัขเพศเมียพันธุ์ชิวาว่า อายุ 5 เดือน มาด้วย 2 ตัว คือเกิร์ล ตัวในคลิป และโกโก้ โดยจะมีญาติ ๆ ที่เป็นผู้ใหญ่คอยดูแลอีกประมาณ 4 คน ที่ต้องนำสุนัขออกมาด้วย เพราะที่บ้านมีสุนัขตัวใหญ่ กลัวว่าตัวเล็กจะถูกกัด
ตนยอมรับว่าคนในครอบครัวไม่มีใครทราบเรื่องมาก่อน จนกระทั่งมีคนจะมานำสุนัขไป และนำคลิปดังกล่าวให้ตัวเองดู ยอมรับว่าตกใจและโกรธลูกมากที่ทำแบบนี้ จึงตีลูกไป 1 ที และลูกเขาบอกว่าตัวเองไม่ได้ทำร้าย อธิบายให้ฟังว่าหมากำลังจะตกพื้น และเอื้อมมือไปคว้าจึงเกิดเป็นคลิปดังกล่าวขึ้น ตัวเองยอมรับว่ารับไม่ได้กับคลิปที่เกิดขึ้น ตนเองก็นึกขึ้นได้ว่าลูกชายเป็นเด็กมีอาการพิเศษคือป่วยเป็นไฮเปอร์ และขณะนี้ไม่ได้รับยารักษา เนื่องจากไม่สามารถไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลได้ เพราะสถานการณ์โควิด-19 จึงขาดการรับประทานยา เกิดอาการกำเริบขึ้น และมีพฤติกรรมดังกล่าว
ที่ผ่านมาเวลาลูกชายมีอาการ ก็มักจะมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงแบบนี้อยู่แล้ว ลูกชายไม่ได้ตั้งใจจะทารุณสุนัข เพราะสุนัขตัวดังกล่าวก็เป็นสุนัขที่ตนเองและครอบครัวรักมาก ก่อนหน้านี้ได้ซื้อพ่อและแม่พันธุ์มาเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา กระทั่งออกลูกมา 5 ตัว และให้คนอื่นไป 3 ตัว เหลือเพียง 2 ตัวที่เลี้ยงไว้ "ตนเองต้องขอโทษแทนลูกชายที่ทำพฤติกรรมดังกล่าว ถ้าหากลูกชายทำให้ใครไม่พอใจก็ต้องขอโทษด้วย ยืนยันว่าลูกชายไม่ได้ตั้งใจทำ"
ล่าสุดก็มีคนมารับสุนัขไปแล้ว ลูกชายเองก็ร้องไห้ ตัวเองก็ร้องไห้ เพราะผูกพันมาก แต่ก็ยอมรับว่าถ้ามีคนรับไปแล้วเลี้ยงได้ดีกว่าก็ยอม แต่ขอร้องว่าอย่ารุมประณามครอบครัว เพราะไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริง ๆ
นางเดือน นุศิริ อายุ 30 ปี หน่วยกู้ภัยสี่ขา ที่เข้าช่วยเหลือ ระบุว่า ตนเองเป็นกู้ภัยสี่ขาและเป็นชาวบ้านที่อยู่บริเวณพื้นที่ดังกล่าวและเห็นครอบครัวที่ขายพวงมาลัยบริเวณสี่แยกคลองเตยมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่ยอมรับว่าครอบครัวค่อนข้างลำบาก ทำมาหากินยาก เพราะด้วยความที่ไม่มีวุฒิการศึกษา จึงทำให้ต้องมาขายพวงมาลัยอยู่บริเวณสี่แยก รายได้จำนวนไม่มากนัก
ก่อนหน้านี้เคยเห็นเด็กชายที่อยู่ในคลิปมานานแล้วและเคยพูดคุย รวมถึงเคยให้เงินไปซื้อขนมด้วย ยืนยันว่าตัวเด็กไม่ได้มีการทารุณกรรมสัตว์ แต่มีความรักสุนัขตัวนี้ด้วยซ้ำ เพราะไปไหนมาไหนก็อุ้มไปด้วยตลอด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมองว่าเป็นการเข้าใจผิดของคนถ่ายคลิป ขณะที่ขับรถผ่าน เพราะไม่เคยเห็นเด็กคนดังกล่าวทำร้ายสุนัขมาก่อน วอนสังคมอย่าเพิ่งรุมด่าทั้งที่ยังไม่ได้รู้ความจริง ยืนยันว่าตัวน้องเองก็ป่วยเป็นไฮเปอร์จริง และมีอาการไม่ค่อยสู้ดีนัก รวมถึงครอบครัวยากลำบากด้วย
เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา ได้รับการประสานจากมูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ให้มาดูแล และเจรจาพูดคุยกับครอบครัว เพื่อที่จะขอนำสุนัขไปดูแล ตนเองอยู่ใกล้พื้นที่ และพอจะรู้จักครอบครัวของเด็กคนดังกล่าว จึงอาสาเข้ามาพูกคุย ล่าสุดคุณบูม เจ้าของเพจเทยกะทะ ก็ได้มีการติดต่อขอรับอุปการะเลี้ยงดูสุนัขตัวในคลิปแล้ว ส่วนสุนัขอีกตัวก็จะมีการนำส่งต่อให้กับผู้ที่อยากจะอุปการะอีกครั้งหนึ่ง โดยก่อนที่จะส่งมอบให้กับคุณบูม จะมีการตรวจสุขภาพดูแลเบื้องต้นของสุนัขทั้ง 2 ตัวอีกครั้งด้วย
นายยุทธภูมิ แก้วเข้ม หรือ บูม เจ้าของเพจเฟซบุ๊กเทยกะทะ ผู้ที่รับสุนัขทั้ง 2 ตัวไปเลี้ยง เปิดเผยว่า การเข้าช่วยเหลือครั้งนี้ ช่วยกัน 3 ส่วน คือทางตนเอง วอชด็อก และกู้ภัยสี่ขา หลังจากมีการแชร์คลิป แฟนเพจก็ส่งมาให้ดูไม่ต่ำกว่า 200 ข้อความ เป็นคลิปไม่กี่วินาที แต่ตกใจว่าเป็นการทำร้ายน้องหมาหรือไม่ ตนเองตัดสินใจรับเลี้ยงเพราะหาข้อมูลและติดต่อวอชด็อกไทยแลนด์ พี่โอบะ กู้ภัยสี่ขา ถามว่าจะเอาอย่างไรดี เบื้องต้นจะรับน้องมาดูและรักษาเบื้องต้นก่อน ยืนยันว่าไม่แสวงหาผลประโยชน์ และทำเพราะรักหมาแมว ไม่รับบริจาคไม่เรี่ยไรใด ๆ ทั้งสิ้น
ตนเองไม่ได้คุยกับครอบครัวของเด็ก เป็นการคุยผ่านกู้ภัยสี่ขาเท่านั้น เมื่อไปคุยกับแม่เด็ก ก็เสียใจที่เกิดเหตุการณ์นี้ และอยากจะเซฟตัวเด็กและสุนัข ไม่ได้ไปทำทันที ทำโดยมีมูลนิธิเป็นตัวกลาง ขอเอาน้องหมาออกมาก่อน และส่งต่อมายังตนเอง จะส่งคืนหรือหาบ้านต่อไป ขอพิจารณาก่อนว่าถ้าเด็กจะรับกลับ ต้องดูก่อนว่ามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน ถ้าหากไม่พร้อมก็จะส่งต่อบ้านที่พร้อม ทั้งสถานที่และค่าใช้จ่าย ตนเองยังได้มีการโอนเงินสดจำนวนหนึ่งไปให้เพื่อช่วยด้วย
ตนเองวอนสังคมอย่าเพิ่งโจมตีน้อง น้องยังเด็กไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ อยากจะบอกว่าให้รู้ข้อมูลก่อน อย่าเพิ่งอ่านไม่ครบและแสดงความคิดเห็น ยืนยันว่าตนเองและทีมงานทำด้วยใจจริง ๆ อย่าเพิ่งตัดสินคนแค่ระยะเวลาอันสั้น เพราะคนทำดีจะท้อ อยากให้วิพากษ์วิจารณ์อย่างมีสติ อย่าเพิ่งด่า
