สามเณรแฉหลวงพี่ลวงเข้ากุฏิอนาจาร เจ้าตัวยันถูกใส่ร้าย แค่บิดนกเขาสอนธรรม (คลิป)

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Jutaporn Sindy Indy" ได้โพสต์ภาพพร้อมบรรยายข้อความว่า "เตือนภัยในวัดก็ไม่ปลอดภัย การบวชเรียนภาคฤดูร้อนของเณร พระบอกขอเวลาวันจันทร์จะสึก เราต้องรอใช่ไหม สึกแล้วก็จะบวชใหม่เหรอ ฉันจึงต้องออกมาเตือนภัยเพราะคำพูดหน้าตาเฉยไร้ยางอาย ครั้งนี้ที่มันเกิดเรื่องขึ้นกับหลานไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านี้ก็มีคนเคยโดนพระรูปนี้ทำอนาจาร ครั้งก่อน ๆ คนอื่นอาจจะยอมให้อภัย แต่ครั้งนี้เรื่องเกิดขึ้นกับหลานฉันไม่ยอม แม่ของหลานก็ยิ่งไม่ยอม ตอนนี้ชาวบ้านก็อยากให้สึกไว ๆ ไม่เข้าใจที่ผ่านมาพากันหลับหูหลับตายอมให้อภัยได้ยังไง คนต่อไปก็จะโดนทำอนาจารอีก จะปล่อยไว้เป็นมารศาสนาทำไม ยังจะยกมือไหว้ก้มลงกราบลงอีกหรือไง"

ล่าสุดวันที่ 28 พ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปบ้านของเณร ในพื้นที่ อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้พูดคุยกับ นางม้วน (นามสมมติ) อายุ 78 ปี ยายของเณรที่ถูกพระทำอนาจาร เปิดเผยว่า เด็กผู้เสียหาย คือ น้องดรีม (นามสมมติ) อายุ 11 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.5 ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ พระอาจารย์ไท อายุ 40 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ปกติแล้วหลานของตนจะเป็นเด็กน่ารัก ฉลาด พูดเก่ง ซึ่งทุก ๆ ปิดเทอมครอบครัวก็จะส่งหลานไปบวชภาคฤดูร้อนที่วัด ในพื้นที่ อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ที่มีผู้เป็นตาเป็นเจ้าอาวาส

ในปี 63 ช่วงเดือน เม.ย. หลานชายได้ไปบวชครั้งแรกก็ไม่มีปัญหาอะไร กระทั่งวันที่ 9 เม.ย.64 โรงเรียนปิดเทอม ครอบครัวจึงพาหลานไปบวชเณรในวันที่ 12 เม.ย.64 เพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 พร้อมกับเด็กที่มาจากต่างพื้นที่อีก 2 คน อายุ 11 ปี และอายุ 10 ปี โดยเจ้าอาวาสสั่งให้พระอาจาย์ไท (พระผู้ก่อเหตุ) เป็นพระพี่เลี้ยงคอยดูแลเณรทั้ง 3 และสั่งสอน พร้อมจัดหาที่นอนให้

โดยทุกอย่างก็เป็นไปตามปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระทั่งวันที่หลานชายต้องสึกในวันที่ 22 พ.ค.64 ขณะที่ครอบครัวไปรับหลานชายก็ได้เล่าให้ฟังว่า ถูกพระรูปหนึ่งล่วงละเมิดทางเพศ จับคลึงอวัยวะเพศ และเณรอีก 2 คนก็โดนด้วย จนอวัยวะเพศของหลานชายบวมช้ำต้องกินยาแก้อักเสบ และให้เจ้าอาวาสพาไปหาหมอ

เมื่อทราบเรื่องทั้งหมด ตนจึงรีบไปสอบถามข้อมูลกับเจ้าอาวาส และโทรศัพท์ไปเล่าให้ลูกสาวฟัง โดยลูกสาวของตนบอกให้รีบไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กุดจับ จากนั้นก็ได้เดินทางไปที่วัดด้วยกันเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง พร้อมกับเรียกพระผู้ก่อเหตุมาพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าว โดยทีแรกพระผู้ก่อเหตุ ไม่ยอมรับและอ้างว่าไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแค่ใช้มือบิดจับอวัยวะเพศของสามเณรเล่นเท่านั้น เสมือนเป็นการทำโทษ เนื่องจากสอนวิชาพระพุทธศานาแล้วสามเณรไม่จำ รวมถึงสามเณรอีก 2 รูปก็โดนด้วยเช่นกัน

ทางเจ้าอาวาส ได้โทรศัพท์สอบถามเจ้าคณะตำบล ซึ่งเจ้าคณะตำบลได้มีคำสั่งให้สึกทันที ถ้าไม่สึกวัดก็จะเสื่อมเสียชื่อเสียง และหากสึกแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่พระผู้ก่อเหตุร้องขอว่า ในวันที่ 31 พ.ค.64 จะเก็บข้าวของแล้วเดินทางไปสึกที่วัดในจ.บุรีรัมย์ แต่ตนมองว่าไม่สมควรปล่อยเรื่องนี้ให้ยืดเยื้อ แต่พระผู้ก่อเหตุก็ไม่ยอมสึก อ้างว่าถึงจะสึกวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็บวชใหม่ได้ ก่อนในวันที่ 27 พ.ค.64 พระผู้ก่อเหตุ จะรีบเก็บข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว หลบหนีความผิดออกจากวัดไปตั้งแต่ช่วงเช้ามืด

โชคดีที่ทางเจ้าอาวาส ได้ยึดใบสุทธิเอาไว้และมอบให้ตำรวจแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ตนก็ยังไม่สบายใจและกลัวว่าพระผู้ก่อเหตุ จะไปทำพฤติกรรมแบบนี้อีก จึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบและดำเนินการ เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายโดยเร็วที่สุด เนื่องจากเป็นมารศาสนา

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากตนมีโอกาสได้พูดกับพระผู้ก่อเหตุ ตนก็อยากจะถามว่าทำพฤติกรรมแบบนี้ได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ยังห่มผ้าเหลือง อีกทั้งอยากให้มองว่าหากคนในครอบครัวของเขาถูกกระทำในลักษณะเช่นนี้จะรู้สึกอย่างไร จึงอยากจะให้พระรูปดังกล่าวเลิกพฤติกรรมแบบนี้ และมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะเชื่อว่าไม่ได้ก่อเหตุครั้งนี้เป็นครั้งแรก

ทีมข่าวเดินทางไปที่ จ.บุรีรัมย์ ได้พบกับ พระอาจารย์ไท กล่าวชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะอาตมาได้รับการมอบหมายจากผู้ปกครอง ให้เป็นพระพี่เลี้ยงของสามเณร คอยดูแลเอาใจใส่สามเณรที่มาบวชภาคฤดูร้อน จำนวน 3 คน โดยจะต้องคอยดูแลทั้งเรื่องระเบียบวินัย และการเรียนการสอน ตั้งแต่การอาบน้ำ การแต่งกาย แต่อาตมายอมรับว่าได้จับอวัยวะเพศของสามเณรจริง ๆ เป็นการจับแบบหยอก ๆ โดยใช้มือเขี่ยเล่น และใช้คำว่า "บักหำน้อย" ตามประสาผู้ใหญ่หยอกเด็ก ไม่มีเจตนาจะคิดเป็นอย่างอื่น ส่วนใหญ่จะหยอกตอนอาบน้ำ หรือตอนแต่งกาย

อย่างไรก็ตาม การเดินทางมาจ.บุรีรัมย์ ในครั้งนี้อาตมาไม่ได้หลบหนี แต่เพื่อเป็นการลดความขัดแย้งของชุมชนที่ จ.อุดรธานี ส่วนสาเหตุที่มีการร้องเรียนในครั้งนี้ เชื่อว่าน่าจะถูกกลั่นแกล้ง เพราะอาตมาจะทำงานเด่นกว่าพระรูปอื่น ๆ ภายในวัด ซึ่งอาจจะมีผู้ไม่หวังดีคอยยุยงผู้ปกครองของสามเณร

"ตอนนี้อาตมายืนยันในความบริสุทธิ์ว่า ไม่ได้มีจิตใจคิดไปในทางลามก แต่เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ให้หาหลักฐานมายืนยันว่าอาตมาได้กระทำจริงหรือไม่ แต่หากมีการแจ้งความเอาผิดก็จะฟ้องกลับทันที แต่ถ้าต่างคนต่างอยู่อย่างสงบ อาตมาก็จะสงบและยืนยันว่าไม่หนีไปไหนอย่างแน่นอน" พระอาจารย์ไท กล่าวทิ้งท้าย