จากกรณีเมื่อเย็นวันที่ 1 มี.ค. 64 ที่ผ่านมา ศูนย์วิทยุกู้ภัยเทพนิมิตรสุโขทัยจุด อ.กงไกรลาศ ได้รับแจ้งว่ามีเหตุยิงกันเสียชีวิต บริเวณบ้านเลขที่ 67 หมู่ที่ 11 บ้านถ้ำไม้ไกร ต.กง อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย
ที่เกิดเหตุพบร่างของนายพิชิต เทียนดำ อายุ 37 ปี ถูกยิงเสียชีวิต นอนอยู่บนท้ายรถกระบะ ผู้ก่อเหตุคือ นายสุธน เทียนดำ หรือ ชิน อายุ 52 ปี พ่อของผู้ตาย ส่วนสาเหตุการยิงยังคงอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าตำรวจ ซึ่งหลังจากก่อเหตุพ่อของผู้ตายก็ได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไป แต่ตำรวจสามารถตามจับกุมตัวได้
วันที่ 3 มี.ค. 6 ทีมข่าวได้เดินทางมายังบ้านถ้ำไม้ไกร ต.กง อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย พบว่าทางครอบครัวได้จัดพิธีสวดพระอภิธรรมให้กับผู้ตายที่บ้าน
ต่อน้อย (นามสมมติ) ลูกชายของผู้ตาย หลานชายของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า พ่อกับแม่ของตนได้แยกทางกัน โดยตนได้ย้ายไปอยู่กับแม่ที่ จ.กาญจนบุรี ตั้งแต่เด็ก ล่าสุดที่ได้เจอหน้าพ่อและพูดคุยกันคือเมื่อ 2 ปีก่อน เนื่องจากพ่อได้ย้ายไปอยู่กับแฟนใหม่ที่ต่างจังหวัด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนตั้งตัวไม่ทัน ตนทราบเพียงว่าพ่อเพิ่งเดินทางกลับมาเยี่ยมครอบครัวที่จ จ.สุโขทัย ได้เพียง 3 วัน จากนั้นปู่ที่อยู่สภาพมึนเมา ก็ได้ก่อเหตุยิงพ่อของตนจนเสียชีวิต
ทั้งนี้ ตนไม่ทราบปมการก่อเหตุของปู่ แต่ตนรู้ว่าปู่กับพ่อมักจะมีปากเสียงทะเลาะกันบ่อยครั้งเวลาเจอหน้ากัน โดยปู่เป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน ช่วงเย็นของวันที่ 1 มี.ค. 64 วันเกิดเหตุ พ่อของตนกำลังนอนเล่นกับอาทั้ง 2 คน อาชายยืนทำกับข้าว อาหญิงนอนคุยเล่นกับพ่อ จากนั้นปู่ที่มีอาการมึนเมาก็ได้เดินเข้ามาใช้ปืนลูกโม่ .35 ยิงพ่อของตน แล้วขับรถจักรยานยนต์หนีไป ซึ่งภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวปู่ของตนได้ โดยปู่ยังคงมีอาการมึนเมา และยิ้มออกมาด้วย
ขณะนี้ครอบครัวยังคงอยู่ในสภาวะมึนงง เนื่องจากไม่ทราบสาเหตุ และไม่ทราบว่าปู่นำปืนมาจากไหน ยังไม่มีใครพูดถึงการประกันตัว ตนยอมรับว่าตนรู้สึกโกธรปู่เป็นอย่างมาก ตนอยากจะบอกพ่อว่า "ผมมาหาแล้วนะ ผมมางานศพพ่อแล้ว"
จากการสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.กงไกรลาศ ทราบว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการมึนเมามาก่อนแล้ว ก่อนจะกลับมาบ้านเจอผู้ตายแล้วได้มีการถกเถียงกันเกี่ยวกับเครื่องช็อตปลา เนื่องจากผู้ตายหาเครื่องข็อตปลาไม่พบ และมีการก่อว่าผู้ก่อเหตุ "เอาของกูไปใช้ทำไม" ซึ่งผู้ก่อเหตุก็ได้มีการตอบโต้ว่า "งั้นมึงไม่ต้องมากินข้าวบ้านกู" ผู้ตายที่อยู่ในอารมณ์หงุดหงิด ก็ได้พูดคำที่ตัดฟางเส้นสุดท้ายว่า "มึงไม่ใช่พ่อกู" พร้อมยกนิ้วกลางให้ผู้ก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุที่คับแค้นใจ จึงได้เดินไปหยิบปืนที่แอบซื้อมาเก็บไว้เมื่อ 4 ปีก่อน นำออกมายิงผู้ตาย นัดแรกกระสุนถากที่บริเวณท้ายทอย นัดที่สองกระสุนเข้าที่บิรเวณหลังทะลุอกขวา ฝังหัวใจ เป็นเหตุในเสียชีวิต และนัดสุดท้ายกระสุนฝังเข้าที่บริเวณก้นกบ
ขณะเดียวกัน นายสุธน ผู้ก่อเหตุ หลังจากหลบหนีไปนั้น ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปพบกับ นายชัย (นามสมมติ) เพื่อนของผู้ตาย ซึ่งอาศัยอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง ห่างกันประมาณ 7 กิโลเมตร ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางมาจับกุมตัวได้สำเร็จ นายชัยเล่าว่า ในวันเกิดเหตุ ตนกับผู้ก่อเหตุได้ออกไปจับปลาด้วยกัน จนกระทั่งช่วงเที่ยงผู้ตายได้เดินทางกลับไปบ้าน จนกระทั่งช่วงเย็น ผู้ก่อเหตุได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาหาตนที่บ้านด้วยท่าทีนิ่งเฉย แต่สังเกตได้ว่ามีอาการมึนเมา และตื่นตระหนกเล็กน้อย
ผู้ก่อเหตุได้บอกกับตนว่า "มันมากเกิน ยิงมันทิ้ง" ซึ่งตนนั้นไม่เข้าใจว่าผู้ก่อเหตุต้องการจะสื่ออะไร ผู้ก่อเหตุก็ได้บอกต่อว่า "ถ้ามีลูกปืนเหลือ กูจะยิงให้หมดทุกคน" ตนจึงได้ถามกลับไปว่ามึงยิงใครมา ผู้ก่อเหตุจึงยอมรับว่ายิงลูก ผู้ก่อเหตุบอกว่า "อยากดื่มเหล้า" แล้วก็ไปขับขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อเหล้าขวดเล็กแถวบ้านของตน ราคา 100 บาท เมื่อผู้ก่อเหตุกลับมาถึงบ้านของตน ผู้ก่อเหตุก็ได้บ่นคนเดียว จับใจความไม่ได้ ไม่นานนักตนกับผู้ก่อเหตุยังไม่ทันได้เปิดฝาขวดเหล้า เจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 4-5 คน ก็ได้จับกุมผู้ก่อเหตุ ซึ่งผู้ก่อเหตุก็ยินยอมแต่โดยดี แล้วบอกว่า "ไม่หนีหรอก"