คนขับพี้ยาต้องประหาร! ลูกร่ำไห้ทัวร์พรากแม่ - พี่ดับ พ่อสาหัส - อีกรายช็อกไม่รู้ผัวร่วมทริป (คลิป)

25 มี.ค. 61
จากกรณีรถท่องเที่ยวปรับอากาศ 2 ชั้น บริษัท กันเองทัวร์ จำกัด ทะเบียน 30-0161 กาฬสินธุ์ แหกโค้งชนกับรถบรรทุก 18 ล้อ ก่อนจะพุ่งชนร้านค้าได้รับความเสียหายหลายร้าน บริเวณถนนทางหลวง 304 ช่วงวังน้ำเขียว-ดอนขวาง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 18 ราย และบาดเจ็บ 32 ราย โดยเหตุการณ์เกิดเมื่อวันที่ 21 มี.ค. เวลาประมาณ 19.10 น. ที่ผ่านมา
นางปราณี ชนะศึก หรือ "ป้าแต" ผู้ได้รับบาดเจ็บ
ล่าสุด วันนี้พบว่าผู้บาดเจ็บเริ่มเดินทางกลับบ้านแล้ว ยกเว้นผู้ที่ต้องทำการผ่าตัด และต้องนอนรักษาอาการแผลติดเชื้อ ขณะนี้เหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่อยู่โรงพยาบาลอีก 3 คน คือที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา 2 คน และที่โรงพยาบาลค่ายสุรนารี จากนั้น ทีมข่าวจึงเข้าไปพูดคุยและดูอาการของ นางปราณี ชนะศึก หรือ "ป้าแต" อายุ 51 ปี นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลค่ายสุรนารี พร้อมเปิดเผยกับทีมข่าวว่า เมื่อวาน (23 มี.ค.) ได้รับการผ่าตัดที่หัวเข่า เนื่องจากมีเศษกระจกของแข็งบาด และมีเศษกระจกฝังอยู่ภายใน จึงต้องผ่าตัดนำออก ขณะนี้แพทย์ยังไม่ให้ออกจากโรงพยาบาล เนื่องจาก เกรงว่าแผลจะติดเชื้อ "ป้าแต" บอกอีกว่า ภายหลังเกิดเหตุตนทราบข่าวจากลูกว่า คนขับได้เสพยาขณะขับรถแล้วทำให้บุคคลอื่นประสบอุบัติเหตุถึงแก่ความตายเป็นจำนวนมาก จึงอยากให้คนเช่นนี้ ไม่มีที่ยืน อยากให้ถูกจับ แล้วนำตัวไปประหาร แต่ถ้าพิสูจน์ได้ว่า คนขับไม่มีเจตนาหรือไม่ใช่เพราะเสพยาเสพติด ตนก็พร้อมให้อภัย ตอนนี้ขอรอฟังผลว่าจริงๆแล้วอุบัติเหตุเกิดจากอะไรกันแน่
ป้าแต ให้ัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว
นอกจากนี้ "ป้าแต" ยังเล่าถึงวินาทีชีวิตให้กับทีมข่าวฟังว่า วันที่เกิดเหตุตนอยู่ชั้นล่างของรถทัวร์ ได้ยินเสียงคนตะโกนว่า "รถเบรกแตก หยุดรถไม่ได้" ขณะนั้นไม่ทันตั้งตัว แต่รถได้พุ่งชนเกาะกลางถนน พร้อมกับได้ยินเสียงของรถที่กำลังชนกับสิ่งของ จนกระทั่งรถหยุดนิ่งข้างทาง วินาทีนั้นหันไปมองคนรอบข้าง พบว่ามีเพื่อนที่โดยสารมาด้วยกันถูกอัดก๊อปปี้ ร่างขาดถึง 3 ท่อน บางคนนอนหมดสติ แต่เมื่อตนตั้งสติได้ ก็พยายามออกจากรถ แล้วเดินออกมาเรียกให้คนช่วย พร้อมกับหันไปบอกเพื่อนในรถว่า “จะรีบตามคนมาช่วยนะ” "ป้าแต" ยังบอกว่า วินาทีนั้นมีกระเป๋าใบหนึ่ง หลุดเข้ามาคล้องที่คอของตัวเอง และกระเป๋าได้ติดตัวมาจนถึงโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลได้ตรวจสอบทรัพย์สินในขณะที่ตนหมดสติ มาทราบภายหลังว่ากระเป๋าดังกล่าวเป็นของเพื่อนผู้โดยสารภายในรถชื่อ "ป้าขาว" ซึ่งในกระเป๋ามีเงินอยู่ 40,000 บาท พบบัตรประชาชนและบัตรเอทีเอ็ม ที่สำคัญพบพระ 2 องค์ ส่วนตัวเชื่อว่า การที่ตัวเองรอดจากอุบัติเหตุครั้งนี้ เกิดจากปาฏิหาริย์ของพระที่อยู่ในกระเป๋า ที่ลอยเข้ามาคล้องคอของตัวเองโดยไม่ทราบสาเหตุ
บริเวณวัดดงกระยอมอุดมคุณ จ.กาฬสินธุ์
ทั้งนี้ ทีมข่าวได้เดินทางมาวัดดงกระยอมอุดมคุณ ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เพื่อพบกับ น.ส.สุกัญญา ไชยกำบัง อายุ 24 ปี เป็นลูกสาวและน้องสาวของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า สำหรับตนสูญเสียญาติไป 2 คน ซึ่งตนรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าแม่จะไปเที่ยว และตนก็ไม่ไปด้วย เนื่องจากเพิ่งไปเที่ยวกับเพื่อนมา แต่ตนก็ติดต่อหาแม่บ่อยครั้ง ส่วนมากจะถามเรื่องการทำงาน ล่าสุดเห็นว่าไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก แต่ตนก็ไม่ได้สนใจ คิดว่าไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้น กระทั่งเวลาประมาณ 19.30 น. มีเพื่อนโทรศัพท์มาบอกว่า รถทัวร์คว่ำ ยอมรับว่ากังวล และเป็นห่วงพ่อ แม่ พี่สาวมาก ซึ่งตอนนั้น ตนอยู่บ้านคนเดียว เลยไม่รู้จะทำยังไง จากนั้นไม่นาน ญาติก็เดินทางมาหาตนที่บ้านพัก ก่อนจะชักชวนกันไปโรงพยาบาลที่พ่อรักษาตัวอยู่ ครั้งแรกที่เห็นพ่อคืออาการหนักมาก และถามหาแต่แม่ ซึ่งตนก็ไม่กล้าบอกว่าแม่เสียชีวิตแล้ว เพราะกลัวว่าพ่อจะอาการทรุดไปอีกคน จึงตั้งใจว่าจะบอกพ่อหลังจากที่หายป่วยแล้ว
น.ส.สุกัญญา ไชยกำบัง ลูกสาวและน้องสาวของผู้เสียชีวิต
หลังจากนั้น ตนไปรับร่างแม่กับพี่สาวที่โรงพยาบาลวังน้ำเขียว โดยมีเจ้าหน้าที่เอาภาพผู้เสียชีวิตมาให้ตนดู ซึ่งตนก็ยืนยันว่า เป็นแม่และพี่สาว วินาทีแรกที่เห็นร่างไร้วิญญาณทั้ง 2 ร่าง บอกตรงๆ ว่าทำอะไรไม่ถูก เพราะตนก็แค่เด็กคนหนึ่ง จะทำอะไรได้ ก่อนที่ญาติจะดำเนินการนำศพแม่มาบำเพ็ญกุศล โดยปกติแม่และพี่สาวเป็นเสาหลักของครอบครัว คอยดูแลทุกๆ อย่างภายในบ้าน ซึ่งตนไม่คิดว่าแม่จะไปไวขนาดนี้ แต่จะนำศพแม่และพี่สาวไปบำเพ็ญกุศลให้เรียบร้อยก่อน ส่วนคนขับรถทัวร์นั้น ตนเพิ่งมาทราบว่าเสพยา ก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป
นางเวริกา เผือดผุด อายุ 44 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต(นายสีไพร เผือดผุด)
ทีมข่าวได้เข้าไปพูดคุยกับ นางเวริกา เผือดผุด อายุ 44 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต (นายสีไพร เผือดผุด) ซึ่งเปิดเผยว่า ตนไม่ทราบเลยว่าสามีไปเที่ยวด้วย เพราะปกติแล้วเวลาจะไปเที่ยวกัน มักจะขับรถส่วนตัวไป จนกระทั่งวันที่ 22 มี.ค. 61 เวลาประมาณ 08.00 น. เพื่อนบ้านเอารูปสามีมาให้ดู ตนจึงรู้ว่าสามีไปเที่ยวด้วยและเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตแล้ว และหลังจากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นคนจัดการประสานเรื่องให้ทั้งหมด โดยเคลื่อนย้ายศพสามีมาไว้ที่บ้าน เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา และไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยปกติแล้วบ้านหลังนี้จะอยู่กัน 4 คน คือ พ่อ แม่ และลูกอีก 2 คน ซึ่งสามีจะเป็นเสาหลักของบ้าน จะมีหน้าที่ออกไปทำงานหาเงินมาจุนเจือครอบครัว เพราะตนก็ทำงานไม่ได้ เนื่องจากป่วยเป็นโรคโลหิตจาง เคยออกไปทำงานรับจ้างทั่วไป แต่ไม่มีที่ไหนรับ ยิ่งตอนนี้สามีมาด่วนจากไป ชีวิตก็ยิ่งลำบาก ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาส่งเสียงเลี้ยงดูลูกๆ ทั้ง 2 คน จึงอยากวอนขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาช่วยเหลือส่งเสียให้ลูกๆ ทั้ง 2 คน สำเร็จการศึกษาด้วย นอกจากนี้ อยากบอกสามีว่าหลังจากนี้ไม่ต้องเป็นห่วงลูกเมีย จะทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัว คือเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับลูก และดูแลลูกๆ ให้ดีที่สุด ทั้งนี้ขอจะฝากถึงบริษัทรถทัวร์ และคนขับว่า อยากจะให้หาคนดีๆ หรือเช็คคนที่จะมาทำงานให้ดีว่าเหมาะสมที่จะมาขับรถให้คนส่วนมากนั่งหรือไม่ เพราะชีวิตของหลายๆคนมาฝากที่คนๆ เดียว ถือว่ามันเสี่ยงมากๆ ถ้าเกิดอะไรขึ้น
บรรยากาศงานศพที่วัดป่าพุทธมงคล สวดคืนสุดท้าย
สำหรับค่ำคืนสุดท้ายของการสวดอภิธรรมศพทั้ง 8 ราย ก่อนจะลำเลียงไปฌาปนกิจแบบโบราณ บนลานกว้างของวัดป่าพุทธมงคลนั้น วันนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์มาเป็นประธานในพีธี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และชาวบ้านจากหลายๆ หมู่บ้าน ใน จ.กาฬสินธุ์ มาร่วมงาน โดยในวันพรุ่งนี้ (25 มี.ค.) จะมีการเริ่มพิธีฌาปนกิจศพทั้งหมดในเวลา 13.00 น. เป็นไป
บ้านของนายกฤษณะ คนขับรถทัวร์ที่เกิดเหตุ
ทั้งนี้ ทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนายกฤษณะ จุฑาชื่น หรือ เก อายุ 44 ปี คนขับรถทัวร์ที่เกิดเหตุ บริเวณ หมู่ 2 ต.อุ่มเม่า อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งพบเป็นบ้านสังกะสีหลังหนึ่ง ค่อนข้างเก่า และทรุดโทรม ภายในบ้านมีเพียงคนชรา และเด็ก ประมาณ 4-5 คน
นางสมจิตร นาทรายทอง แม่ยายนายกฤษณะ
ด้าน นางสมจิตร นาทรายทอง อายุ 66 ปี แม่ยายนายกฤษณะ เปิดเผยว่า ตนรู้แค่ว่านายกฤษณะทำงานบริษัททัวร์  และหลังเลิกงานนายกฤษณะก็จะกลับมากินข้าวที่บ้าน ก่อนจะรีบเข้านอน เพราะต้องตื่นไปทำงานแต่เช้า ส่วนตนก็มีหน้าที่ดูแลหลานๆ เวลานายกฤษณะออกทัวร์ต่างจังหวัด ก็มักจะเอาเงินมาให้ตน ปกติแล้ว ตนกับนายกฤษณะแทบจะไม่เคยคุยกัน จึงไม่ทราบว่า นายกฤษณะติดยาหรือไม่ ส่วนแม่ของหลานๆ ได้เลิกรากับนายกฤษณะ และหนีไปอยู่กรุงเทพฯ นานแล้ว เพราะจับได้ว่านายกฤษณะมีสาวคนใหม่
นางศิริพันธุ์ ตราชู เพื่อนบ้าน
ด้านนางศิริพันธุ์ ตราชู อายุ 45 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า ตนรู้จักกับนายกฤษณะมานาน เพราะเคยใช้บริการ บริษัท กันเองทัวร์ จำกัด ไปทำบุญที่ จ.อุดรธานี และ จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นรถทัวร์คันเดียวกับที่เกิดเหตุทั้ง 2 ครั้ง และเคยมีปัญหารถสตาร์ทไม่ติด และเบรกแตกมาแล้ว แต่ไม่ร้ายแรงเท่าครั้งล่าสุด โดยส่วนตัวแล้ว มองว่า นายกฤษณะเป็นคนดี ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกับใคร และนายกฤษณะก็มีลูกเล็ก 3 คน ที่จะต้องดูแล เพราะภรรยาทิ้งไปเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว เป็นคนน่าสงสารมาก เพราะครอบครัวค่อนข้างยากจน และนายกฤษณะเป็นที่เพิ่งของครอบครัว หากขาดเสาหลักของบ้านไป ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่กันอย่างไร ส่วนเรื่องยาเสพติดนั้น ตนก็ไม่ทราบว่าติดจริงไหม แต่พอรู้ว่า เวลาขับรถออกต่างจังหวัด นายกฤษณะมักจะใช้ยา แต่ไม่รู้ว่าคือยาอะไร แต่ก็ไม่ได้ป่วย เป็นคนแข็งแรง แต่ถ้านายกฤษณะติดยาจริง ก็คงทิ้งลูก ทิ้งแม่ยาย ทิ้งครอบครัวไปแล้ว ส่วนช่วงเวลาที่เกิดเหตุ หลายคนบอกว่า นายกฤษณะติดสารเสพติด , เบรกแตก และขับรถเร็วนั้น ตนคิดว่า น่าจะเกิดจากสภาพรถที่ค่อนข้างเก่า และมีปัญหาบ่อยครั้ง ซึ่งคิดว่าเหตุการณ์ทั้งหมด ไม่น่าจะเกิดจากคนขับ ตนก็ไม่ทราบรายละเอียดเท่าไหร่ แต่ยืนยันว่า นายกฤษณะเป็นคนขับรถที่ดี เพราะที่ผ่านมา นายกฤษณะก็พาลูกทัวร์ไปเที่ยวบ่อยๆ และรับฟังคำแนะนำ หรือข้อคิดเห็นของคนอื่นเสมอ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ