"สุกิจ" โดดช่วย "ติ้น" คดีหวย 30 ล. สงสารเพราะโดนหักหลัง - "อัจฉริยะ" ฉะ มโนเชื่อโดนจับ (คลิป)

20 มี.ค. 61
จากกรณีลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท ที่นางเรวดี หาแก้ว หรือ "ป้าติ้น" กล่าวหาว่า นางจรูญ หรือ "ป้าติ๋ว" ยักยอกทรัพย์ ภายหลังจากที่ไปซื้อลอตเตอรี่ด้วยกัน ที่คำชะโนด จ.อุดรธานี โดย พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม ระบุว่า เตรียมออกหมายจับผู้กระทำความผิดภายในสิ้นเดือนนี้
นางเรวดี หาแก้ว หรือ "ป้าติ้น"
ล่าสุด วันนี้ (19 มี.ค.) นางเรวดี หาแก้ว หรือ "ป้าติ้น" ระบุว่า ไม่ได้กังวลเรื่องหมายจับ เพราะยังไม่ทราบว่าออกหมายจับใคร และหากมีหมายจับตนก็จะต่อสู้ให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ "ป้าติ้น" กล่าวว่า ตอนนี้ ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม ผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมาย จะเข้ามาช่วยตน โดยอีกฝ่ายเป็นคนติดต่อมาหาตนเอง ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกัน และจะมีการพูดคุยกับ ดร.สุกิจ เกี่ยวกับรายละเอียดทั้งหมด ขณะเดียวกัน ดร.สุกิจ เปิดเผยว่า มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่รายหนึ่งแนะนำมาว่าให้ช่วย "ป้าติ้น" เพราะถูก นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม หักหลัง ตนจึงตั้งใจมาถามว่า ถูกหักหลังจริงหรือไม่ พร้อมยอมรับว่า ตนไม่ได้รู้จักกับ "ป้าติ้น" มาก่อน ขณะนี้จะรวมผู้เสียหายที่มีปัญหากับ นายอัจฉริยะ เรื่องการทำคดีความ แต่อยู่ระหว่างการทำเอกสาร เพื่อดำเนินการกับ นายอัจฉริยะ ตอนนี้ ซึ่งตนรวมผู้เสียหายได้ 9 รายแล้ว
นางเรวดี หาแก้ว หรือ "ป้าติ้น" พูดคุยกับ ดร.สุกิจ
ส่วนคดีของป้าติ้น ต้องพูดคุยกันว่า มีหลักฐานใดบ้าง ซึ่งทางคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการ โดยตนจะเข้ามาดูส่วนนี้ด้วย เพราะเป็นเรื่องต่อเนื่องกัน แต่ประเด็นหลักคือเรื่องของนายอัจฉริยะ อย่างไรก็ตาม ดร.สุกิจ เปิดใจรู้สึกสงสารที่ผู้หมวดรายหนึ่ง ซึ่งเป็นตำรวจหนุ่มที่มีประสบการณ์น้อย คิดว่า ทำบางอย่างไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจมีใครบางคนใช้ให้ไปเอาเอกสาร สำหรับเรื่องคดี ลอตเตอรี่ 30 ล้าน จังหวัดกาญจนบุรี ระหว่าง ครูปรีชา ใคร่ครวญ กับ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการตำรวจ ที่มีการกล่าวหาว่า ตนเป็นกุนซือ ดร.สุกิจ ยอมรับ ตนเพิ่งจะเป็นกุนซือ เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาเท่านั้น โดยเข้ามาช่วย น.ส.ปณัชยา สุขผล หรือ "เจ๊เกียว" ซึ่งเป็นญาติกัน และ "เจ๊เกียว" พา นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ "แผน" มาพบเพื่อให้ตนช่วย หลังจากการฟังคำให้การของนายแผน พบว่าไม่ได้มีสาระสำคัญ เป็นเพียงพยานแวดล้อม แต่กลับถูกตำรวจออกหมายเรียก ตนจึงเข้ามาช่วยเหลือ โดยยืนยันว่า ตนไม่ได้เข้ามาช่วยครูปรีชา รวมถึง น.ส.รัตนาภรณ์ สุภาทิพย์ หรือ "เจ๊บ้าบิ่น" และ น.ส.พัชริดา พรมตา หรือ "เจ๊พัช" ขณะที่ ดร.สุกิจ ไม่ขอตอบว่า ลอตเตอรี่เป็นของครูปรีชา จริงหรือไม่ ซึ่งเรื่องคดีอยู่ที่กลยุทธ์ของทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความฝั่ง ร.ต.ท.จรูญ ในการทำลายน้ำหนักพยาน ซึ่งประจักษ์พยาน มีแค่คนเดียวก็เพียงพอแล้ว โดยตนเชื่อว่าทนายษิทรา ทำได้ แต่ที่ตนออกมาเพราะตำรวจสอบพยาน แต่กลับมาไล่จับพยาน ส่วนกรณีที่ นายแผน ต้องฟ้อง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการปราบปราม เนื่องจากมีการส่งหมายไม่ชอบด้วยกฏหมาย เพราะส่งหมายภายในวันเดียว โดยที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่า นายแผน เดินสายฟ้องทุกหน่วยงาน ก็เพราะ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความฝั่ง ร.ต.ท.จรูญ ทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง ตราบใดที่ตำรวจไม่หยุดออกข่าวทำให้เกิดความเสียหายกับพยาน ก็ต้องฟ้อง สำหรับเรื่องการเดินสายฟ้อง ได้มีทีมกฏหมายที่ช่วยกันดูแล ไม่ได้มีตนเพียงคนเดียวที่คอยชี้แนะ โดยยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ตามประกบนายแผน แต่อย่างใด
ดร.สุกิจ พูนศรีเกษม ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว
ส่วนคดีหวย 30 ล้าน จ.กาญจนบุรี ที่เริ่มบานปลายออกไป เพราะมีคนปากไม่ดี ออกมาวุ่นวาย ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ก่อนหน้านี้ที่ นายอัจฉริยะ ได้ไปแจ้งความ หมิ่นประมาทตน ตนก็จะไปฟ้องที่กองปราบปราม ฐานแจ้งความเท็จ สำหรับเรื่องที่นายอัจฉริยะ ไลฟ์สด กล่าวหาว่า มีนักกฏหมาย เป็นกุนซือให้นายแผน โดยมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่จ่ายเงินให้ ก็เป็นการหมิ่นประมาทตน แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อก็ตาม สำหรับเรื่องที่ทนายษิทรา โพสต์เฟซบุ๊ก ประชดประชัน ในลักษณะให้ทีมครูปรีชา จับมือ กับฝั่ง ร.ต.ท.จรูญ ไปร้องนายก ให้ใช้อำนาจพิเศษเข้ามาตัดสินคดีนั้น ตนมองว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะนายกรัฐมนตรี เป็นฝ่ายบริหาร ไม่มีทางเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องนี้ แต่คิดว่าควรเปลี่ยนหน่วยงานที่เข้ามาดูแลคดีจาก กองปราบปราม เป็น กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพราะตอนนี้ทุกคนกลัวอำนาจของตำรวจสอบสวนกลาง ทั้งนี้ทีมข่าวได้โทรศัพท์พูดคุยกับป้าติ๋ว โดยเจ้าตัวยอมรับว่า ร่างกายอ่อนเพลีย ส่วนกรณีที่ ดร.สุกิจ เข้ามาช่วย "ป้าติ้น" ตนไม่ได้กังวล เพราะอีกฝ่ายไม่มีหลักฐานใดๆ นอกจากจะทำหลักฐานเท็จขึ้นมาเท่านั้น
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม
ขณะเดียวกัน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ออกมาตอบโต้ ดร.สุกิจ ทุกประเด็น แม้กระทั่งเรื่องที่ ดร.สุกิจ ให้ข้อมูลกับสื่อว่า ได้ไปแจ้งดำเนินคดีกับตนเองใน 4 ข้อหา ก็ไม่เป็นความจริง เพราะตนเองได้ไปตรวจสอบ ปรากฎว่า เป็นชื่อของนายแผน ซึ่งเป็นเพียงการลงบันทึกประจำวันเท่านั้น ส่วนกรณีที่ ดร.สุกิจ จะเข้าไปช่วยเป็นที่ปรึกษาในคดีหวย 30 ล้าน ให้กับ นางเรวดี หาแก้ว หรือ "ป้าติ้น" นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตนเองยินดี ขณะที่แนวทางการต่อสู้คดี หลังจากที่ ดร.สุกิจ เข้ามาช่วยเหลือป้าติ้นนั้น นายอัจริยะ กล่าวว่า ยังไงก็ไม่มีทางสู้ เพราะแค่การนำเอกสารที่เป็นความลับของทางราชการมาเปิดเผย ก็ไม่มีทางสู้คดีแล้ว และเชื่อว่า "ป้าติ้น" ต้องติดคุก ซึ่งการที่ ดร.สุกิจ มาเป็นที่ปรึกษา หลังถูกเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพแล้ว ตนเองยิ่งไม่กังวล พร้อมท้าทายว่า “ให้รวมตัวมาเลย อัจฉริยะ ไม่เคยกลัวอยู่แล้ว ขอให้เป็นผู้เสียหายจริงๆ พร้อมจะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว" อีกทั้งยังฝากถึงคนที่มาแจ้งความทุกคนว่า หากไม่เป็นเรื่องจริง จะแจ้งความเอาผิด และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ ยังได้ขอบคุณคนที่ให้กำลังใจตนเอง ขอบคุณสื่อมวลชน ที่เปิดโอกาสให้แสดงความเห็น ส่วนบางฝ่ายที่ตั้งคำถามว่า ตนเองไม่ใช่ทนายความ หรือผู้เชี่ยวด้านกฎหมาย ซึ่งการออกมาลักษณะนี้ เป็นการหวังผลประโยชน์ อยากขอถามกลับว่า ทุกวันนี้ทำแล้วได้อะไร ตนมีรายได้อยู่แล้ว ทั้งจากการขายข้าวแกง การเป็นวิศวกรโยธา รวมทั้งมีสำนักงานกฎหมายถูกต้อง มีพนักงานกฎหมายทำงานอยู่แล้ว รายได้ทั้งหมดมาจากความโปร่งใส พร้อมย้ำว่า สิ่งที่ตนเองทำมาตลอด 7 ปี หากทำผิดกฎหมาย คงอยู่ในเรือนจำไปแล้ว

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ