จากข่าวลือก่อนหน้านี้ เรื่องลูกสาวคนสวยของนักแสดงรุ่นใหญ่ "แอน สิเรียม" อย่าง "นนนี่ นนลนีย์" ได้โพสต์ไอจีสตอรี่ พร้อมข้อความว่า “Ask me คนโสด” รวมไปถึงลบรูปคู่กับ "พอล งามวัฒน์" สามีนักธุรกิจหนุ่มที่มีอายุห่างกัน 17 ปีไปเกลี้ยง
ข่าวเกี่ยวข้อง
- ชาวเน็ตสงสัย “น้องนนนี่” ลูกสาว “แอน สิเรียม” โพสต์โสด..!! พร้อมลบรูปคู่สามีเกลี้ยง!
ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวบันเทิงอมรินทร์ทีวีได้มีโอกาสเจอทาง "แอน สิเรียม" ซึ่งเจ้าตัวก็ได้เปิดปากพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับลูกสาว โดย "แอน สิเรียม" ยอมรับว่า ส่วนตัวได้เห็นข่าวแบบผ่านๆ แต่ยังไม่ได้ลงลึกถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเนื้อข่าวว่าเป็นอย่างไร เผยทางลูกสาวเองก็ได้มาพูดให้ฟังเพียงเบื้องต้น ประมาณว่ามีงอน ๆ กันตามสไตล์ของสามีภรรยา ยืนยันยังไม่ถึงขั้นเลิก แค่มีงอนเฉยๆ
อย่างไรก็ตามตอนนี้ทาง "นนนี่" ยังอยู่ที่ประเทศไทยกับตน ส่วนสามีของลูกสาว "นนนี่" ก็บินกลับไปต่างประเทศเเล้วเพื่อทำงาน หลังจากที่เขาทั้งคู่บินกลับมาไทยเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ลั่นส่วนตัวก็รอให้ทางลูกสาวเดินเข้ามาปรึกษา ส่วนทางเขาเองก็ไม่รู้สึกเครียดกับกระเเสข่าวที่ออกมา เพราะแม้ว่าเขาไม่ได้อยู่ในวงการแต่เขาเองก็เข้าใจ
ถามถึงเรื่องครอบครัว "นนนี่" ที่เหมือนจะมีปัญหา?
“แอนไม่ได้อ่านเนื้อข่าวละเอียดว่าอะไรยังไงบ้าง คือลูกก็มาพูดให้ฟังแต่ก็ยังไม่ได้มาในเชิญขอคำปรึกษา เลยยังไม่ได้คุยดีเทลขนาดนั้น”
ความคาดเดาของคนหลังจากเห็นเขาลบรูปในไอจีหมดเลย คนเลยคิดว่าน้องอาจจะเลิกกับแฟนแล้ว?
“ก็คงจะมีงอน ๆ กัน แต่ว่ายังไม่ได้เลิก”
ถอยกันคนละก้าว?
“เห็นเขาว่าอย่างนั้นนะคะ คือลูกก็ยังไม่ได้มาขอคำปรึกษาเป็นเรื่องเป็นราว แล้วแอนเองก็มองว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคน แอนเป็นคนที่3 แอนเลยไม่อยากจะเข้าไป แอนก็มีระยะกันมาแบบนี้ แอนให้เกียรติการตัดสินใจของเขา ให้เกียรติการดำเนินชีวิตของลูก แอนมองว่าถ้าเขายังไม่พร้อมที่จะมาขอคำปรึกษา แอนก็เป็นคนที่สาม ก็ไม่อาจจะก้าวไปล้วงละเมิดสิทธิ์ของเขา”
ตอนนี้เขาอยู่เมืองไทยด้วยกันไหม หรือแยกกันอยู่?
“ตอนเดือนมีนาคมก็กลับมาพร้อมกัน แต่ทางนั้นที่ทำงานเขาเปิดแล้วก็เลยต้องกลับไป นนนี่ก็อยู่กับแอนที่เมืองไทย เขาก็แยกกันอยู่คนละประเทศ”
สภาพจิตใจน้องตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?
“ก็เป็นปกติอยู่นะคะ เขาไม่ได้เข้ามาขอคำปรึกษาอะไร ก็เลยคิดว่าคงจะแค่งอน ๆ กัน มันก็ต้องมีบ้าง แอนก็บอกลูกไปแล้วว่าชีวิตแต่งงานมันเป็นสเต็ปแรกของการดำเนินชีวิตจริง ๆ แบบ real life นะ เริ่มต้นมันก็จะต้องมีอุปสรรคอะไรกันบ้าง ลิ้นกับฟัน ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับว่าครอบครัวเราก็ไม่ได้มีอะไรทำกันมาก เราต้องอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมง ถ้าเป็นชีวิตแบบปกติทุกวันนี้ตื่นเช้าขึ้นมาก็ออกจากบ้าน ต่างคนต่างมีหน้าที่การงานที่จะต้องไปทำ มันก็ลดภาระการปะทะกัน มันก็อาจจะน้อยลงจากที่เราโตมาแล้วเรามีบทเรียนชีวิตจากการดำเนินชีวิตของเรา เราก็จะเล่าให้ฟังในลักษณะนี้ได้ แต่ถามเรื่องในเชิงลึก เป็นดีเทลแอนไม่ทราบจริงๆ”
ในฐานะแม่เราเป็นห่วงเรื่องนี้ขนาดไหน?
“ทุกคนต้องเป็นห่วงลูกทุกคน เพียงแต่วิธีการเลี้ยงดูมันก็แตกต่างกัน”
เราพร้อมรอลูกเดินเข้ามาปรึกษา?
“แอนไม่ได้พร้อม คือเขาเข้ามาคุยกับเราได้เสมอ แต่ว่าแอนไม่ใช่แม่ที่จะต้องคอยบงการชีวิตลูก แอนไม่ได้เลี้ยงเขามาอย่างนั้นมาตั้งแต่แรก แอนก็ต้องยอมรับตรงนี้”
พอมีข่าวขึ้นมาเขาซีเรียสไหมเพราะเขาไม่ได้อยู่ในวงการ?
“ไม่นะคะ เขาเข้าใจว่ามันเป็นยังไง แอนดูจากอาการเขาก็เป็นปกติดี ก็ยังรับงาน ส่งงานให้แม่อยู่ทุกวัน”
เขามาปรึกษาเราก่อนหรือว่าอ่านจากข่าว?
“เขามาพูดนิดหน่อย แล้วตอนหลังมีคนมาบอก เดี๋ยวนี้เขาโตขึ้นเยอะแล้ว เขาไม่ได้เป็นเด็ก ๆ แล้ว เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขา เราก็รับฟังอย่างเดียว แอนเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนก็ต้องทำแบบเดียวกับแอน คือฟังลูก แล้วไม่ใช่แค่เรื่องนี้ เรื่องอื่นๆ เรื่องพี่ เรื่องน้อง เรื่องญาติเราก็รับฟัง”
เราพร้อมซัพพอร์ตเขา?
“เราก็ยืนอยู่ตรงนี่ เขาพร้อมเมื่อไหร่ เขาก็เดินมาหาเราเอง เราไม่จำเป็นที่จะต้องลุกไป แอนก็ถามสามีนะคะเขาก็บอกว่าจริง ๆ มันเป็นเรื่องของคนสองคน เราเป็นคนที่สามสี่ห้าแล้ว มันก็ต้องมีเรื่องบ้าง แต่ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตในชีวิต เขาตัดสินใจยังไงเราก็พร้อมเดินไปกับเขาอยู่แล้ว เขาเป็นลูกเราเราก็ต้องพร้อมหมด แอนว่าคนทุกคนสมัยนี้ เด็ก ๆ เขาโตกันแล้ว อย่ามองว่าเขาเป็นเด็ก บางทีเขาก็มีวิธีคิด การบริหารจัดการชีวิตในรูปแบบของเขาเอง”