ล้างแค้น 10 ปี ถูกเพื่อนกระทืบจนฟันหักแต่เด็ก จ่อยิงดับกลางวงเหล้า

8 พ.ค. 67

ล้างแค้น 10 ปี หนุ่มถูกเพื่อนกระทืบจนฟันหักแต่เด็ก แถมถูกล้อเรื่อยมา ล่าสุดยังตามมาด้อยค่า กลับไปเอาปืนที่บ้านจ่อยิงดับคาที่

 

ความคืบหน้าคดีที่นายธรรมพร อ่อนศรี หรือ ตาม มะขามล้ม อายุ 34 ปี ใช้ปืนจ่อยิงนายสุรเชษฐ์ สิงห์ทอง หรือเบนซ์ อายุ 33 ปี ก่อนจะหันปืนใส่นายธนาคาร ทองเนื้อแปด หรือแบงก์ อายุ 33 ปี และเกิดการยื้อแย่งปืนกันขึ้น เหตุเกิดเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา หน้าร้านค้าแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลมะขามล้ม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามปั๊มหัวใจยื้อชีวิตนายสุรเชษฐ์ แต่ไม่เป็นผล นายสุรเชษฐ์เสียชีวิตในเวลาต่อมา

นายธนาคาร เพื่อนผู้เสียชีวิต เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุเขากับเพื่อนๆ นั่งดื่มเหล้าหน้าร้านค้า ส่วนนายธรรมพร นั่งดื่มอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อฝั่งตรงข้าม จู่ๆ นายธรรมธรก็เดินมาหาที่โต๊ะ ยกเบียร์มาชนแก้วกับนายสุรเชษฐ์ ก่อนจะขี่รถออกไป ไม่นานก็กลับมาพร้อมปืนจ่อยิงนายสุรเชษฐ์ 1 นัด ก่อนจะหันปืนมาทางตัวเขา แล้วถามว่ามีปัญหาอะไรไหม

ต่อมาตำรวจได้รับแจ้งว่าหลังเกิดเหตุนายธรรมพรซึ่งหลบหนีไป ได้ไปหาพ่อที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จึงนำกำลังไปจับุมตัวมาสอบสวนที่โรงพัก โดยนายธรรมพรสารภาพว่า สาเหตุเกิดจากความแค้นเมื่อ 10 ปีก่อน เคยมีปัญหาขัดแย้งกับนายสุรเชษฐ์เรื่องธุรกิจมืด เขาถูกนายสุรเชษฐ์กระทืบจนกรามหักฟันหัก และยังล้อเลียนเรื่อยมา เลยแค้นฝังใจมาถึงทุกวันนี้ เมื่อคืนนายสุรเชษฐ์เดินข้ามถนนมาหาแล้วยังพูดด้อยค่าอีก เลยกลับไปเอาปืนมายิง คิดอย่างเดียวว่าความตายเท่านั้นที่จะจบเรื่องนี้

ในช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตเข้ามาสอบปากคำที่ สภ.บางปลาม้า โดยหลังสอบปากคำเสร็จสิ้น แม่ของคนตาย เปิดเผยเพียงสั้นๆกับผู้สื่อข่าวว่า ”ส่วนตัวไม่รู้ปมเหตุ เนื่องจากลูกชายไม่เคยมาเล่าอะไรให้ตนฟัง“ ก่อนจะเดินขึ้นรถกระบะออกไปจากโรงพักและไม่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าว

ต่อมาเวลา 15.00 น. พนักงานสอบสวนเบิกตัว “นายธรรมพร” หรือ “นายตาม” ผู้ก่อเหตุออกมาจากห้องขังเพื่อนำตัวไปสอบปากคำที่ห้องสอบสวน ทันทีที่ออกมาจากห้องขัง ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “นายธรรมพร” เปิดเผยว่าปมเหตุเกิดจากการที่ตนโดนคนตายกระทืบมาตั้งแต่เด็ก บางครั้งก็โดนรุม หนักสุดคือ ถูกคนตายเตะเข้าที่ใบหน้าจนฟันกรามบิ่น จากนั้นก็โดนข่มเหงมาเรื่อยๆ เพียงเพราะเห็นว่าตนเป็นรุ่นน้อง และไม่โต้ตอบ จนกลายเป็นเป็นความแค้นในใจ

ส่วนเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ตอนแรกก็ยังดื่มกับผู้ตายในสถานการณ์ปกติ จนกระทั่งผู้ตายพูดถึงแต่เรื่องเก่าดังกล่าวที่เคยข่มเหงทำร้ายตน แล้วคุยกันกับเพื่อนด้วยท่าทางหัวเราะสะใจ จึงทำให้รู้สึกโมโห กลายเป็นอารมณ์ชั่ววูบ ก็เลยกลับไปนำปืนมาใช้ก่อเหตุดังกล่าว พร้อมกับยืนยันว่าปัญหามีเพียงเรื่องนี้เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติดหรือประเด็นอื่นมาเกี่ยว

สุดท้ายนี้ “นายธรรมพร” จึงอยากฝากบอกกับ “นายสุรเชษฐ์” คนตายว่า ”ขอโทษด้วย ขอโทษครอบครัวเขา มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ ไม่อยากให้เกิดขึ้น“ และอยากบอกเมียที่กำลังท้อง ซึ่งจริงๆเดือนนี้จะแต่งงานกันด้วยว่า ”ผมทำผิดไปแล้ว“

จากนั้นเมื่อสอบปากคำเบื้องต้นเสร็จ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่คุมตัว “นายธรรมพร“ กลับเข้าห้องขัง ทีมข่าวก็มีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าตัวอีกรอบ จึงถามถึงความรู้สึกที่อยากจะบอกกับเมียที่กำลังท้อง เจ้าตัวบอกว่า “ผมทำผิดไปแล้ว ก็ต้องยอมรับชะตากรรม อยู่ข้างในก็คงทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากจะทำตัวให้ดี“

พร้อมกับยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ ไม่ได้มีการไตร่ตรองไว้ก่อน และเสียใจกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นจริงๆ ส่วนอาวุธปืนยอมรับว่าเป็นปืนของตัวเองและครอบครองโดยผิดกฎหมาย ไม่ได้มีทะเบียนถูกต้อง.

 

advertisement

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส