คุมเพลิง ไฟไหม้โกดังสารเคมีภาชีได้แล้ว หลังควันพวยพุ่งทั้งคืน ส่งกลิ่นเหม็น 100-300 เมตร สสจ.อยุธยา ลงพื้นที่ตรวจสอบร่างกายชาวบ้าน
จากกรณีเกิดเหตุ ไฟไหม้โกดังเก็บสารเคมี ตั้งอยู่ริมถนนสายอุทัย-ภาชี หมู่ 2 อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นโกดังเก็บสารเคมีของกลาง ในคดี 4 พันตัน จุดเกิดเหตุเป็นโกดังที่ 4 และ 5 เพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง กลุ่มควันดำพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า ส่งกลิ่นเหม็นเป็นวงกว้าง ตั้งแต่เวลา 18.00 น. วันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา
ต่อมาวันที่ 2 พ.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่ยังคงมีกลุ่มควันสีขาวคละคลุ้งอยู่ภายในโกดังเล็กน้อย และก็ยังส่งกลิ่นเหม็นในระยะ 100 เมตร
นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการพระนครศรีอยุธยา ประสานไปยังกรมชลประทาน เพื่อขอเปิดการระบายน้ำให้เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำรถสูบส่งระยะไกลเข้าสูบน้ำ และนำรถกระเช้าดับเพลิงสูง 90 เมตร เข้ามายิงน้ำระดับสูง เพื่อฉีดด้านบนลงมาสู่พื้นผิวด้านล่างตรงจุดที่ไฟไหม้บริเวณโกดัง 4-5 เนื่องจากด้านในโกดังมีสารเคมีหลายชนิด และมีสารกัดก่อนชนิดเข้มข้น สามารถกัดพื้นผิวรองเท้าเสื้อผ้าขาดได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทางภาคพื้นล่างเข้าทำงานได้ยากลำบาก
นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขตสุขภาพที่ 4 กล่าวว่า เพลิงไหม้สารเคมีในพื้นที่ ขณะนี้ยังคงมีการส่งกลิ่นเหม็นในระยะ 100-300 เมตร และทิศทางลมที่พัดพาไป ซึ่งทางสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยาร่วมกับโรงพยาบาลภาชี ตั้งศูนย์เฉพาะกิจให้เป็นศูนย์บัญชาการชั่วคราวที่หน้าโรงพยาบาลภาชี และในส่วนของโรงพยาบาลภาชีได้มีการปิดทำการชั่วคราว
ส่วนผู้ป่วยที่อยู่โรงพยาบาล มีคนไข้ทั้งหมด 35 ราย ซึ่งได้กลับบ้านแล้ว 17 ราย ส่วนอีก 18 ราย ได้เคลื่อนย้ายส่งรักษาต่อ 3 โรงพยาบาลในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยาส่วนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบ ได้มีจัดตั้งโรงบาลสนามไว้ที่วัดโคกม่วง อ.ภาชีสำหรับควันหรือมลพิษที่เกิดขึ้นในสภาพอากาศนั้น เราได้ประสาน กรมควบคุมมลพิษนำรถเข้ามาตรวจสภาพอากาศ ซึ่งเบื้องต้นในสภาพอากาศถือว่ายังไม่เป็นอันตรายมาก แต่ในบริเวณโรงงานจุดที่เพลิงไหม้มีค่ามลพิษที่สูงมาก
นพ.ปรีชา เปรมปรี สาธารณสุขนิเทศก์เขตสุขภาพที่ 4 กล่าวว่า หลังจากโกดังสารเคมีถูกไฟไหม้ก็มีมลพิษในอากาศ จึงได้มีการนำรถตรวจสภาพอากาศเคลื่อนที่มาจัดตั้งอยู่หน้าโรงพยาบาลภาชี เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่าบริเวณใดมีค่าอากาศมลพิษสูงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งผลกระทบก็จะมีผลกระทบกับทางเดินหายใจ ระคายผิวหนัง และแสบตา
วิธีการป้องกันอันดับแรก จะต้องนำตัวเองออกจากพื้นที่ที่อันตราย และป้องกันโดยการใส่หน้ากากอนามัย แต่ถือว่าช่วยได้น้อย ซึ่งยังไม่มีการได้รับรายงานว่ามีผู้ได้รับผลกระทบ ทางสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะได้ส่งทีมงานลงไปยังพื้นที่ตรวจสอบว่ามีใครได้รับผลกระทบหรือไม่ โดยเฉพาะเด็กและคนแก่และกลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง เพื่อตรวจสุขภาพ ซึ่งบางรายอาจจะต้องมีการเจาะเลือด เพื่อติดตามผล
