ต้อนรับทหารเรือเวียดนามที่มาร่วมออกลาดตระเวณกับกองทัพเรือภาคที่ 2

1 ธ.ค. 66

กองทัพเรือภาคที่ 2 ต้อนรับ เรือตรวจการณ์ปืน ของทหารเรือจากเวียดนาม ที่เดินทางมาเยือนเมืองท่า ที่ จ.สงขลา เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศ และปฏิบัติภารกิจออกลาดตระเวนร่วมกับหมู่เรือลาดตระเวนของทัพเรือภาคที่ 2

ที่ท่าเทียบเรือฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ 2 ได้มีพิธีต้อนรับ เรือทหารเรือของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม จำนวน 2 ลำประกอบด้วย เรือตรวจการณ์ปืน 264 และเรือตรวจการณ์ปืน 265 ที่เดินทางมาจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมาเยือนเมืองท่า ที่จังหวัดสงขลา ประเทศไทย ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน ถึง 3 ธันวาคม 2566 โดยจอดเรือที่ท่าเทียบเรือฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ 2 อำเภอเมือง จังหวัดสงขลาและจะมีภารกิจออกลาดตระเวนร่วมระหว่างหมู่เรือลาดตระเวนของทัพเรือภาคที่ 2 โดยจัดเรือหลวงปัตตานี และเรือหลวงท้ายเหมืองเข้าร่วมการลาดตระเวนร่วมระหว่างทหารเรือไทยกับทหารเรือสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งมีเรือตรวจการณ์ปืน 264 และเรือตรวจการณ์ปืน 265 เข้าร่วมภารกิจในครั้งนี้

หลังจากนั้น นาวาเอก (พิเศษ) TRINH XUAN TUNG รอง ผบ.ภาคทหารเรือที่ 5 สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม พร้อมคณะผู้ติดตาม และ ผบ.เรือ ทร.สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ทั้ง 2 ลำ ได้เข้าเยี่ยมคำนับ พล.ร.ต.ธวัชชัย พิมพ์เมือง รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 ซึ่งเป็นผู้แทนผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 และคณะฝ่ายไทย ประกอบด้วยผู้บังคับบัญชาชั้นผู้ใหญ่ ทัพเรือภาคที่ 2 มีการกล่าวถึง การลาดตระเวนร่วมจากที่ได้ติดตามผลการลาดตระเวนร่วมของเรือทั้ง 2 ฝ่าย ทราบว่า เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์และเป็นการสร้างความเข้าใจอันดีการพัฒนาความสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันและกัน  ตลอดจนร่วมกันป้องกันการกระทำผิดกฎหมายในพื้นที่ลาดตระเวนร่วม ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ควรดำรงการปฏิบัติต่อไปเรื่อย ๆ 

นอกจากนี้ฝ่ายเวียดนาม มีแผนการเยี่ยมเมืองท่าประเทศไทย ที่ จ.สงขลา แห่งนี้ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาได้หยุดกิจกรรมการเยี่ยมเมืองท่าระหว่างกันมาระยะเวลาหนึ่ง  นับตั้งแต่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 เป็นต้นมา  การเยี่ยมเมืองท่าสงขลาครั้งนี้ จึงถือเป็นการเริ่มต้นกิจกรรมดังกล่าวอีกครั้งและคาดหวังว่าคงจะมีการดำเนินการต่อไปในอนาคต การเข้ามาเยือนประเทศไทยของเรือ ทร.สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในครั้งนี้ นับว่าเป็นโอกาสดีในการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส