ปวีณา รุดพบ บิ๊กโจ๊ก วอนช่วยเหยื่อค้ามนุษย์ พบหลอกคนไทยอื้อ

14 พ.ย. 66

 

ปวีณา รุดพบ บิ๊กโจ๊ก วอนช่วยเหยื่อค้ามนุษย์ พบหลอกคนไทยอื้อ บังคับค้ากาม-เรียกค่าไถ่-เปิดบัญชี-ลวงทำงานต่างประเทศ 

วันที่ 14 พ.ย. 66 นาง ปวีณา หงษ์สกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุล เพื่อเด็กและสตรี พาผู้เสียหาย 3 เคส เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เข้าขอความช่วยเหลือ ติดตามขบวนการค้ามนุษย์และผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี 

ซึ่งเคส 1 เป็นกรณีหญิงสาว 3 ราย อายุ 22 ปี 35 ปึ และ 41 ปี ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่เมียนมา โดย น.ส.เอ (นามสมมติ) เล่าว่า ได้เปิดติ๊กต็อกเห็นโฆษณาไปเที่ยวเชียงตุง 3 วัน 2 คืน ในราคา 8 พันบาท จึงได้ติดต่อนัดไปเที่ยว เดินทางวันที่ 18 พ.ค. หลังจากนั้นมีรถมารับ พอข้ามด่านไปฝั่งเมียนมาก็ถูกเก็บพาสปอร์ต และบัตรประชาชน จากนั้นมีคนเดินมาบอกกับตนเองว่าพี่ซื้อตัวน้องมาแล้ว น้องต้องไปทำงานเมืองป๊อก 2 เดือน จากนั้นก็ถูกพาไปที่ รร.แห่งหนึ่ง เจอเหยื่ออีก 2 คุยกันแอดไลน์ อีก 2 ถูกส่งตัวไปเร่ขาย ส่วนตนเองถูกส่งไปหาพ่อเลี้ยงชาวจีน ถูกบังคับถ่ายรูปคู่กับเงินและบังคับใช้เซ็นสัญญา และขู่ให้ไปทำงานขายบริการครบวงจร ถ้าไม่ทำก็จะทำร้ายร่างกาย นอกจากคนไทยยังมีชาวต่างชาติอีกหลายราย เช่น เวียดนามรวมอยู่ด้วย  

โดยทั้ง 3 ราย แม่และญาติได้เข้าขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิปวีณาฯ ซึ่งได้ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ สถานทูตไทยในเมียนมา และตำรวจเมียนมาให้การช่วยเหลือบุกไปเอาตัวมาได้ ก่อนจะให้รอส่งกลับที่เมืองป๊อก แต่ทั้ง 3 คนรอไม่ไหวหนีออกมาเจอรถรับจ้างจับไปเรียกค่าไถ่ 5 ล้านบาทอยู่ 5 วัน จากนั้นหนีออกมา มีครูบนดอยพาแจ้งความ กลับถูกตำรวจเมียนมาจับกุมขังนาน 3 เดือนก่อนจะถูกส่งกลับมาที่ด่านแม่สายเมื่อวันที่ 9 พ.ย. ที่ผ่านมา 

เคสที่ 2 ผู้เสียหาย 25 ราย จากจังหวัดต่างๆ อาทิ หนองคาย บึงกาพ สมุทรปราการ ชลบุรี ถูกนายหน้าสองสามีภรรยาหลอกว่าจะพาไปทำงานด้านการเกษตร ที่ประเทศออสเตรเลีย หลังจ่ายเงินไปล่วงหน้ากันคนละ 2-8 หมื่นบาท นาน 7 เดือนแล้วยังไม่ได้เดินทางไป และสองสามีภรรยากลับหนีหาย ทำให้ต้องเป็นหนี้สินเดือดร้อน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 1.3 ล้านบาท ขอช่วยติดตามตัวสองสามีภรรยามาดำเนินคดี 

เคสที่ 3 ผู้เสียหาย 10 ราย เจอโฆษณาชักชวนในโซเชียลให้ไปทำงานแลกเปลี่ยนสกุลเงินที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา จะมีรายได้เดือนละ 35,000-45,000 บาท โดยก่อนเดินทางไปให้เปิดบัญชีธนาคาร จะให้เพิ่มบัญชีละ 5,000 บาท เมื่อหลงเชื่อเดินทางไปถูกกักขังในห้อง ยึดพลาสปอร์ต โทรศัพท์มือถือ ซิมโทรศัพท์ บังคับให้สแกนใบหน้าแอปพลิเคชั่นธนาคาร เวลามีเงินโอนเข้ามาทุกวัน ประมาณ 15-30 วัน พอบัญชีถูกอายัดก็ส่งตัวกลับไทย โดยข่มขู่ห้ามแจ้งความ มิฉะนั้นจะส่งคนมาฆ่าให้ตาย หลายคนกลับมาถึงเจอหมายเรียกตำรวจ ตกเป็นผู้ต้องหาฉ้อโกง เงินจำนวนมาก บางคนกว่า 1 ล้านบาท 

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า จะรับเรื่องทั้ง 3 เคส และดำเนินการต่อไป โดยเฉพาะประสานกับผู้บัญชาการตำรวจเมียนมาและกัมพูชา เพื่อเอาผิดผู้กระทำผิดระดับตัวการให้ได้ นอกจากนี้จะดำเนินการเปิดแพลตฟอร์ม เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลเพจต่างๆ ในโซเชียลและสถานที่ต่างๆ ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ เพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ นอกจากนี้ยังฝากเตือนไปยังประชาชนที่ใช้โซเชียลมีเดียอย่าหลงเชื่อ โดยเฉพาะการชักชวนให้ไปท่องเที่ยวหรือทำงานในพื้นที่เชียงตุง เมียนมา เมืองป๊อก เล้าก่าย เพราะไม่มีอยู่จริง และจะตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ได้

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส