เด็ก 2 ขวบ รอหมอ 7 ชม. ไม่ได้รักษา

11 ก.ย. 66

แม่ระบายความอึดอัด หลังพา ลูก 2 ขวบ ไป รพ.รัฐ แต่ถูกจนท.ของ รพ. พูดจาไม่ดี สองแม่ลูกต้องรอนาน 7 ชม.สุดท้ายไม่ได้รักษาต้องพาลูกกลับบ้าน


วันที่ 11 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “TungTungWatcharaporn” ได้โพสต์คลิปวิดีโอความยาวประมาณ 4 นาที ระบายความอัดอั้นตันใจ หลังจากที่พาลูกน้อยเดินทางไปขอใช้บริการรักษาอาการป่วยของลูกที่โรงพยาบาลของภาครัฐแห่งหนึ่ง ในอ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น ซึ่งเธออ้างว่านอกจากลูกที่มีอาการป่วยเป็นไข้จะไม่ได้รับการตรวจรักษาจากทางโรงพยาบาลหลังจากต้องรอเป็นเวลานาน 7 ชม. แล้วเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลยังแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและพูดจาไม่ดีอีกด้วย

โดยโพสต์ดังกล่าวยังระบุข้อความด้วยว่า “ขออนุญาตนะคะไม่ได้ต้องการหรือติดใจอะไรเลยนอกจากอยากให้ปรับปรุงการบริการคนไข้ เพราะมันไม่ใช่แค่ครั้งแรก แต่เป็นทุกครั้งที่ไป บางคำพูด บางประโยคในคลิป อาจจะไม่เป๊ะ แต่จำได้ว่าคำพูดจะเป็นประมานนี้ วันนี้แทบจะทุกคนที่ไปห้องฉุกเฉิน พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คือเว้าบ่แซ่บแท้ ถ้าเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยหมอพยาบาลมาเห็นปรับปรุงด้วยนะคะ”

โดยหลังจากคลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไปได้มีผู้คนเข้ามาแชร์และแสดงความคิดเห็นจำนวนมากซึ่งส่วนใหญ่ต่างเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล รวมทั้งบอกเล่าเหตุการณ์ที่แต่ละคนเคยพบมาเช่น “เข้าใจเลยค่ะ เคยเจอนานมาแล้วกับลูกสาวไม่สบายไล่เราไปตรวจแบบปกติทั้ง ๆ ที่ลูกเราไม่สบายไข้ขึ้นสูง เราเลยต้องไปตรวจรอคิวปกติจนได้ตรวจกับคุณหมอ คุณหมอตกใจว่าทำไมไม่พาไปฉุกเฉิน เด็กจะชักแล้ว จนได้นอนโรงพยาบาล เราบอกพาไปแล้วที่ห้องฉุกเฉินให้มาตรวจปกติ แล้วแต่วัน แล้วแต่โอกาส ไม่ได้เจอแบบแย่ ๆ ทุกครั้ง บางครั้งก็ประทับใจเจ้าหน้าที่เอาใจใส่ดูแลดีเราคิดว่าเป็นที่บุคคลมากกว่าค่ะ”

 ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับเจ้าของคลิป คือ น.ส.วัชรพร น้อยธง พักอาศัยอยู่ที่ จ.ขอนแก่น เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าก่อนที่ตนจะตัดสินใจถ่ายคลิปวิดีโอโพสต์ระบายความอึดอั้นตันใจลงในเฟซบุ๊ก เนื่องจากในช่วงเช้าเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมาตนเองได้พา“น้องเติมเต็ม” ลูกชายวัย 2 ขวบ ที่มีอาการป่วยเป็นไข้หวัดเดินทางไปใช้บริการที่โรงพยาบาลของภาครัฐแห่งหนึ่งในริมถนนมิตรภาพใน อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่แผนกห้องฉุกเฉินก็ได้ทำการวัดไข้และซักประวัติซึ่งจากการวัดไข้พบว่าลูกชายไข้สูงถึง 39 องศาเซลเซียส จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้บอกให้ตนเองพาลูกไปอาบน้ำล้างตัว ตนเองก็ปฏิบัติตามที่เจ้าหน้าที่แนะนำ หลังจากอาบน้ำให้ลูกเสร็จเจ้าหน้าที่ก็บอกให้นั่งรอ เพื่อเข้าตรวจจนกระทั้งเวลาล่วงเลยไปถึงช่วงเที่ยงก็ยังไม่มีการเรียกชื่อลูกตนเองเข้าตรวจ

ขณะเดียวกันกลับพบว่ามีผู้มาใช้บริการที่มาทีหลังตนเองได้เข้าตรวจก่อน ทั้งที่ไม่ได้มีอาการหนักแต่อย่างใด เมื่อเห็นว่ารอนานแล้วตนเองจึงเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่บริเวณเคาท์เตอร์ห้องฉุกเฉินแล้วสอบถามเจ้าหน้าที่ว่าชื่อลูกของตนเองตกหล่นหรือเปล่า ช่วยตรวจสอบให้หน่อยทำไมคนไข้ที่มาทีหลังได้เข้าตรวจก่อน แต่เจ้าหน้าที่กลับทำสีหน้าไม่พอใจพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ป้าย ที่บอกรายละเอียดขั้นตอนการรอแล้วบอกว่า “อ่านป้ายนะคะ เราเรียกเข้าตรวจตามลำดับความฉุกเฉิน”ทำให้ตอนนั้นตนเองเริ่มรู้สึกไม่ดีกับการแสดงออกของเจ้าหน้าที่ จึงตัดสินใจเดินกลับมานั่งรอที่เดิมจนกระทั้งถึงเวลา 12.30 น. ก็มีเสียงประชาสัมพันธ์แจ้งว่าหมอจะพักเที่ยงให้คนไข้มาใหม่ในเวลา13.30 น. ตนเองจึงขับรถจักรยานยนต์พาลูกกลับมาทานข้าวที่บ้าน โดยที่ช่วงเช้าไปนั่งรอไม่ได้เข้าตรวจเลย

น.ส.วัชรพร เล่าต่อว่าจากนั้นเวลาประมาณ 13.40 น. ตนเองก็ได้ขับรถจักรยานยนต์พาลูกกลับไปที่โรงพยาบาลดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งตอนนั้นก็คิดเผื่อใจไว้บ้างแล้วว่าลำดับเข้าตรวจของลูกอาจจะถูกข้ามไปแล้ว แต่ด้วยความเป็นห่วงลูก และต้องการรักษาลูกเมื่อไปถึงโรงพยาบาล ตนเองจึงเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ว่าช่วยตรวจสอบให้หน่อยว่าลำดับคิวเข้าตรวจของลูกชายข้ามไปหรือยัง ซึ่งเจ้าหน้าที่คนนี้ก็มองตนเองด้วยหางตาพร้อมกับพูดในทำนองกระแทกแดกดันว่า เดี๋ยวไปเช็คให้นะคะ แล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องฉุกเฉินตนเองก็ยืนรอกว่า 10 นาที แต่เจ้าหน้าที่ที่ตนเองสอบถามก็ไม่เดินออกมาจนกระทั้งเจ้าหน้าที่ที่ตนเองสอบถามในช่วงเช้าเดินออกมา ตนเองจึงสอบถามกับเจ้าหน้าที่คนนี้ว่าช่วยตรวจสอบให้อีกครั้งได้ไหมว่าชื่อลูกของตนเองถูกเรียกไปหรือยังซึ่งเจ้าหน้าที่คนนี้ก็ตอบโดยใช้น้ำเสียงไม่พอใจว่าชื่อถูกเรียกไปแล้วเรียกไปตั้งนานแล้วเรียกไปตั้งแต่ 11.00 น.แล้วเมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้นทำให้ตนเองเริ่มมีอารมณ์โมโห จึงตอบเจ้าหน้าที่ไปว่าจะเรียกตั้งแต่11.00น.ได้อย่างไร เพราะตนเองนั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินจนถึง 12.30 น. ก็ไม่ได้มีการเรียกชื่อลูกเข้าตรวจแม้แต่ครั้งเดียวพร้อมกับถามเจ้าที่ต่อว่าสรุปแล้ววันนี้ลูกชายจะได้เข้าตรวจหรือไม่

ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่าได้ตรวจให้รอก่อนโดยในระหว่างที่ตนเองกับเจ้าหน้าที่หน้าห้องฉุกเฉินพูดคุยกันคนไข้และญาติ ๆ ที่มารอเข้าใช้บริการต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทำไมเจ้าหน้าที่ถึงพูดจาไม่ดีเลยจากนั้นตนเองก็นั่งรอคิวไปเรื่อย ๆ จนกระทั้งเวลาล่วงเข้า 15.00น. ก็ยังไม่มีการเรียกชื่อลูกหรือมีเจ้าหน้าที่มาแจ้งอะไรกับตนเองเลยและตอนนั้นก็มีบุคคลคนหนึ่งเดินเข้ามาสอบถามตนเองว่ามารอตั้งแต่กี่โมง ตนเองก็ตอบไปว่ามารอตั้งแต่ 10.00 น. จนถึงตอนนี้รวมกว่า 7 ชม. ก็ยังไม่ได้เข้าตรวจบุคคลคนดังกล่าวจึงบอกให้ตนเองเขียนจดหมายร้องเรียนหลังเขียนเสร็จตนเองก็นำจดหมายใส่กล่องในโรงพยาบาลแล้วพาลูกชายขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านด้วยความอัดอั้นตันใจ และรู้สึกไม่พอใจถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่จึงได้อัดคลิประบายความในใจในครั้งนี้

น.ส.วัชรพร กล่าวว่าเรื่องนี้ตนเองอยากวอนไปถึง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งผู้บริหารของโรงพยาบาลแห่งนี้และทุก ๆ แห่งได้ช่วยปรับปรุงระบบการให้บริการหากเป็นไปได้ขอให้แยกกลุ่มผู้ป่วยฉุกเฉินเป็น 2 กลุ่ม คือ เด็กและผู้ใหญ่รวมทั้งการดูแลเรื่องอื่น ๆ โดยเฉพาะการดูแลพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตนเองเข้าใจดีว่าแพทย์พยาบาลต่างก็ทำงานเหนื่อยแต่ก็อยากให้บริการคนไข้ดีกว่านี้อาจไม่ต้องถึงขั้นคลานเข่าเข้ามาดูแลหรือให้บริการแบบ VIP แต่ขอเพียงแค่แนะนำคนไข้ด้วยความสุภาพก็พอเพราะผู้ป่วยบางคนเป็นผู้สูงวัยอ่านเขียนหนังสือไม่ออกก็มีและที่สำคัญไม่มีใครอยากมาที่โรงพยาบาลหากไม่เจ็บไข้ได้ป่วยจริง ๆ

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส