"บิ๊กทิน" พบ "บิ๊กโอ๋" อดีตรม.กลาโหม สมัยนายกฯปู พร้อมเผยเรื่องซื้อเรือดำน้ำ และการเกณฑ์ทหาร มีแนวคิดอยู่ในใจแล้ว แถมแย้มอยากพบ "บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม"
4 ก.ย. 66 นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางเข้าพบ พล.อ.อ.สุกําพล สุวรรณทัต อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่น 10 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อขอคำแนะนำในการเข้ามาบริหารในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการการทรวงกลาโหม โดยหลังพูดคุยกันกว่า 1 ชั่วโมง
นายสุทิน เปิดเผยว่า ขนาดนี้ยังไม่มีกำหนดที่จะเข้าไปทำงานในกระทรวงกลาโหมอย่างเป็นทางการโดยจะต้องดูว่า หลังจากเข้าประชุมที่พรรคเพื่อไทยวันนี้ว่าจะต้องรอหลังแถลงนโยบายหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็อาจจะเข้า หลังวันที่ 11 กันยายน
ส่วนการเข้ามาพูดคุยกับ พล.อ.อ.สุกำพล ได้ความมั่นใจ ได้ความรู้ โดยพล.อ.อ.สุกำพลได้ให้กำลังใจและเชื่อมั่นว่าตนเองสามารถคุมกระทวงกลาโหมได้ พร้อมแนะนำว่าการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต้องทำอย่างไรบ้างทั้งการบริหารงานและการวางตัว
นอกจากนี้ยังเปิดเผยด้วยว่าการเดินสายพบกับบรรดาทหารทุกเหล่าทัพหลายกลุ่มที่ผ่านมา เป็นไปได้ด้วยดี มีการนัดคุยกันตลอดทั้งแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผย ซึ่งได้มีการให้กำลังใจในการทำงาน ซึ่งตนเองมองว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่กองทัพเปิดใจเปิดกว้างรับพลเรือน ซึ่งตนเองจับสัญญาณได้ว่าถ้าเราเข้าใจเขา และชัดเจนในแนวปฏิบัติชัดเจน ซึ่งถ้าเขาเชื่อมั่นว่าเราทำเพื่อชาติได้จริง ๆ เชื่อทหารก็ไม่มีปัญหา
นายสุทิน ระบุว่าหลังจากเดินสายพูดคุยแล้วไม่ได้ลำบากใจในการทำงานแต่ก็ไม่ได้ประมาท คือ การบริหารอย่างไม่เตรียมการหรือชิลเกินไป
เมื่อถามว่าคิดถึงบทเรียนเกี่ยวกับการรัฐประหารถึง 2 ครั้งในรัฐบาลไทยรักไทยและเพื่อไทย หรือไม่ นายสุทินระบุว่า ไม่คิดว่าเรื่องอย่างนั้นเป็นประเด็นที่ต้องไปคิด แต่การประมาทคือไปคิดว่าชำนาญแล้วรู้ดีแล้ว ซึ่งต้องระวังในเรื่องนี้
ส่วนเรื่องนโยบายเกณฑ์ทหาร นายสุทินระบุว่าหลังจากพูดคุยกับ 3 เหล่าทัพทางกองทัพมีแนวคิดเรื่องนี้มานานแล้ว แต่ต้องทำตามขั้นตอน ซึ่งหากอยากให้เร็วรัฐบาลสนับสนุนก็เป็นไปได้เร็ว และสามารถปรับลดการเกณ์ทหารได้เลยตั้งแต่ เม.ย. ปี 2567 ซึ่งกองทัพได้มีการศึกษาไว้แล้ว สามารถสมัครได้เลยก่อนเดือน เม.ย. ก็ไม่ต้องมีการเกณฑ์
ส่วนที่กองทัพเคยระบุว่ากำลังพล ขาดอยู่ที่ประมาณ 40,000 นาย ซึ่งต่างจากที่เปิดรับสมัครนั้น นายสุทิน ระบุว่า ก่อนอื่นสังคมต้องยอมรับว่า ต้องมีทหารจะปรับลดโดยไม่คำนึงถึงกองทัพไม่ได้ ซึ่งกองทัพก็อยากได้คนที่สมัครใจ เหลือเท่าไหร่ถึงจะเกณฑ์ และต้องมีการสร้างแรงจูงใจให้คนอยากมาสมัครเป็นทหาร เช่นปรับสวัสดิการ ปรับทัศนคติ ที่คนยังมีเชิงลบ ติดภาพระบบฝึกโหดทารุณ เจ็บตาย ที่มีไม่มากแต่เป็นข่าวเยอะ และคนส่วนหนึ่งมีความเชื่อเป็นทหารเกณฑ์ได้เงินเดือนจริง แต่รับจริงไม่ถึงตามนั้น ดังนั้นต้องมีการพูดคุยแก้ปัญหาต่อไประบบจ่ายเงินเดือนให้โปร่งใสมากขึ้น ถ้าทำได้ดีคนสมัครเยอะ
ส่วนเครื่องของเรือดำน้ำที่กองทัพเรือ เตรียมให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่เซ็นเพื่อนำเข้า ครม. อีกครั้ง นายสุทินระบุว่า มีแนวคิดแล้วว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรบ้าง โดนจะให้คำตอบหลังแถลงนโยบาย พร้อมระบุว่าน่าเป็นจะเป็นคำตอบที่ดีและน่าพอใจ โดยกองทัพจะต้องพอใจและสังคมก็รับได้มีเหตุผลอธิบายได้ คงต้องคุยรายละเอียดเพิ่มเติมกับกองทัพอีกนิด
ส่วนยังจะเป็นเรือดำน้ำจีนหรือไม่ นายสุทิน ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ แต่มีข้อเสนอที่ดีกว่า อาจจะไม่ใช่จีน พร้อมถามว่าคนไทยอยากได้อะไร อยากได้เยอรมัน
ส่วนที่มีแนวโน้มจะยกเลิกสัญญาหรือไม่ ขอประมวลความเห็นจากทุกฝ่ายก่อนแต่เชื่อว่าจะมีทางออกที่ดี ยังไม่บอกว่าจะยกเลิกของจีน
เมื่อถามว่าหากยกเลิกทางจีนมีแนวโน้มจะไม่คืนเงินที่จ่ายไปแล้ว 7,000 ล้านบาท หรือไม่ นายสุทินระบุว่า อาจจะไม่เป็นอย่างนั้น จะต้องดูที่คณะเจรจา อาจคุยในระดับรัฐบาลก็อาจจะเป็นไปได้ ซึ่งจะต้องดำเนินการให้กองทัพยอมรับได้ และประเทศชาติไม่เสียประโยชน์
นายสุทิน ระบุว่า หลังจากนี้จะเดินสายเข้าพบ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)และรมว.กลาโหม และติดต่อเพื่อเข้าพบ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงขอความเห็นจากนักวิชาการเช่น นายสุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง โดยย้ำว่าการที่เดินสายพบปะพูดคุยกับหลายหลายคนไม่ใช่ไม่มั่นใจในการบริหาร แต่ต้องการที่จะขอความรู้เพราะตนเองเป็นน้ำไม่เต็มแก้ว พร้อมระบุอีกว่าถ้ามีโอกาสก็อยากจะเข้าพบกับอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีก 2 คนได้แก่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ด้านพล.อ.อ.สุกำพล ระบุ ว่า หลังจากได้พูดคุยก็ได้ชี้แจงให้ฟังว่าการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะต้องเจออะไรบ้าง ซึ่งนายสุทินมีประสบการณ์ทางการเมืองอยู่แล้ว เชื่อมั่นว่านายสุชินสามารถบริหารงานได้