"ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน"โต้ไม่ได้สั่งลูกน้องทำร้ายวัยรุ่นตาย

9 ส.ค. 66

"ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน"โต้ไม่ได้สั่งลูกน้องทำร้ายวัยรุ่นตาย แค่ขับรถไล่ให้พ้นจากหมู่บ้าน เพราะวัยรุ่นเข้ามาปาระเบิดเสียงดังสนั่น ยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ความคืบหน้ากรณีนางสาวนันทิชา ศรีสุข อายุ 36 ปี พร้อมด้วย นางจันทนา จำเริญใหญ่อายุ 48 ปี เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอให้ช่วยติดตามคดีหลังลูกชายตนเอง และเพื่อนๆ ถูกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านต่างหมู่บ้านและลูกน้อง รุมทำร้ายจนเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส ตำรวจกับลงบันทึกประจำวันว่าเป็นอุบัติเหตุ ต้องไปหากล้องวงจรปิดมายืนยัน ว่าเป็นการถูกทำร้ายร่างกายจนตายและบาดเจ็บ จึงยอมเปลี่ยนข้อหาให้ใหม่เวลาผ่านมาหลายเดือนคดีกับไม่มีความคืบหน้า ได้เพียงเด็กชายอายุ 13 มารับว่าเป็นผู้ต้องหา ทั้งๆที่ผู้ก่อเหตุมีนับ 10 คน

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 66 เวลา 23.00 น. บนถนนสายหมู่บ้านโสรยา-หนองเหล็ก ตำบลเมืองลีง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ โดยลูกชายตนเองพร้อมด้วยเพื่อนๆมี เด็กชายณัฐวุฒิ หรือเล็ก สุดโสม อายุ 14 ปี (ผู้เสียชีวิต) และเพื่อนอีก 3 คน มี เด็กชายก้องหล้า หรือหรั่ง จำเริญใหญ่ อายุ 14 ปี เด็กชายวรินทร์ หรือยักษ์ บุญครอง อายุ 13 ปี และนายวิทวัส หรือเด้ง สุขจิต อายุ 18 ปี ทั้งหมดรวม 5 คน นั่งพูดคุยจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้านของตนเอง ในหมู่บ้านดงเค็ง ก่อนที่นายเล็ก ผู้เสียชีวิต และเพื่อนๆทั้ง 4 คน พากันขี่มอเตอร์ไซค์ 2 คัน รวม 5 คน เพื่อไปเอาเสื้อที่บ้านแฟนสาวของนายเล็ก ซึ่งอยู่หมู่บ้านทวารไพร ห่างออกไปประมาณ 4 กิโลเมตร

 

ระหว่างขี่ผ่านเข้าไปหน้าหมู่บ้าน ได้เจอนายจำลอง (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ทันทีที่เห็นกลุ่มลูกชายของตน นายจำลอง ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่กลุ่มลูกชายของตนจนแตกกระเจิง จากนั้นได้สั่ง ให้วัยรุ่นในหมู่บ้านนับ 10 คน ขึ้นรถกระบะ ที่มีนายตุ๊ เป็นคนขับ ไล่ตามไปติดๆ นายยักษ์กับนายเด้ง เพื่อนลูกชายเห็นท่าไม่ดี เลยขี่หนีเข้าไปหลบในป่า ส่วนน้องหงา น้องหรั่ง และนายเล็ก (ผู้ตาย) ทั้ง 3 คน ถูกรถกระบะพุ่งชนจนล้มลง ก่อนที่กลุ่มวัยรุ่นที่ขี่แต่ จยย.ตามมา จะร่วมกันใช้อาวุธมีด และไม้ กระหน่ำ รุมตี น้องหงาลูกชายตนเอง จนสมองบวม ใบหน้าเละ กระดูกคอหัก 2 ท่อน ต้องนอนอยู่ในห้อง ICU ส่วนน้องหรั่ง เห็นท่าไม่ดี จึงรีบกัดลิ้นตัวเองจนเลือดไหล แล้วทำท่า แกล้งตาย แต่ก็ยังไม่วายถูกกลุ่มวัยรุ่นลูกน้องผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เตะกระทืบไปอีกหลายทีทั้งๆ ที่แกล้งตาย โดยทั้งหมดพูดว่า "พวกเรากลับกันได้แล้ว รอให้ตำรวจมาเก็บงานมัน"

 

หลังก่อเหตุจนหนำใจแล้วทั้งหมดได้หลบหนีไป นายยักษ์กับนายเด้ง จึงออกมาจากป่าหญ้าและมาดูเพื่อนๆ ทั้ง 3 คน ก็พบว่า นายเล็กเสียชีวิตคาที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ ส่วนน้องหงากับน้องหรั่ง บาดเจ็บสาหัส จึงร้องตะโกนให้คนช่วย ระหว่างนั้นได้มี รองนายก อบต.ชุมแสง ขับรถผ่านมา และทราบเรื่อง จึงนำทั้งหมดส่งโรงพยาบาลจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลีง มาตรวจสอบ แต่พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีกลับลงบันทึกประจำวันว่าเป็นอุบัติเหตุรถชนกันมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตตนและญาติๆ แปลกใจมากเพราะลูกชายบอกว่า ถูกทำร้ายจากวัยรุ่นลูกน้องผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนับ 10 คน จนเสียชีวิตและบาดเจ็บ ตนต้องออกหากล้องวงจรปิดและนำมายืนยันกับตำรวจด้วยตนเอง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยอมเปลี่ยนแปลง แก้ไขบันทึกประจำวัน เป็นข้อหาใหม่ "ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บสาหัส" แต่คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับเด็กชายอายุ 13 ปี ได้เพียงคนเดียว โดยเด็กชายคนดังกล่าวก็ยืนยันว่าไม่ได้ร่วมก่อเหตุลงไปทำร้าย เพียงแต่อยู่บนหลังรถปิคอัพเท่านั้น ส่วนคนที่ทำร้ายภาพจากในกล้องวงจรปิดมีทั้งอาวุธมีด -อาวุธปืน-อาวุธไม้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจับกุมตัวได้เลย ตนคิดว่าคู่กรณีน่าจะมีอิทธิพล ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่กล้าดำเนินคดี แถมยังพูดให้พวกตนเจ็บใจว่า ทำไปคดีก็ไม่คืบยกฟ้องหมดแหละ ตนหมดหนทางที่จะพึ่งพา จึงต้องเดินทางไกลมาจากจังหวัดสุรินทร์เพื่อมาร้องทนายรณรงค์ให้ช่วยเหลือในด้านคดีด้วย

 

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่หมู่บ้านหนองขาม ตำบลเมืองลีง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ไปพบกับนายสังข์ โคตรวงษา อายุ 58 ปี ผู้ใหญ่บ้าน เล่าว่าวันเกิดเหตุได้มีกลุ่มวัยรุ่นชายขี่มอเตอร์ไซค์มากันสองคัน และได้โยนระเบิดไม่ทราบชนิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวทั่วทั้งหมู่บ้าน และเวลาห่างไปประมาณ 20นาที ได้มีการมาปาระเบิดอีกรอบ ตนจึงไม่นิ่งเฉยประสานตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองลีงให้ลงพื้นที่มาตรวจสอบ หลังจากนั้นมีการท้าทายกันอยู่ด้านหน้าทางเข้าหมู่บ้าน ก่อนจะมีการรับแจ้งจาก สภ.เมืองลีงในเวลาต่อมาว่ามีเหตุฆ่ากันตาย

ด้านนาย จำลอง มีชาลี อายุ 33 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่ถูกอ้างว่าใช้กลุ่มวัยรุ่นไล่ฆ่าผู้ตาย เล่าว่า วันเกิดเหตุได้มีกลุ่มวัยรุ่นมาปาระเบิดหลายรอบในหมู่บ้าน โดยรอบแรกเวลา 22.00น. ตนเองได้ออกไปดูบริเวณสามแยกทางเข้าหน้าบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่กลุ่มวัยรุ่นนำระเบิดมาโยน แล้วก็เดินกลับมาที่บ้าน

ผ่านไป 1ชั่วโมง กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวก็ยังมาก่อเหตุซ้ำอีก ตนได้ถือพลุไฟเพื่อเดินไปจุดขับไล่กลุ่มวัยรุ่น ที่เห็นในกล้องวงจรปิดที่มีประกายไฟไม่ใช่ปืนอย่างที่กล่าวหา แต่เป็นพลุไฟ ซึ่งตนไม่เคยมีปัญหากับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการตายของเด็กวัยรุ่นในครั้งนี้อย่างที่โดนกล่าวหา.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส