"ผู้การชลบุรี" ยังไม่ประสานมอบตัว เผย 2 พลเรือนก๊วนรีด หนีออกนอกแล้ว

18 มิ.ย. 66

"บิ๊กโจ๊ก" คุมคดีรีดทรัพย์ 140 ล้าน ยันว่าไปตามกฎหมาย ขณะที่ "ผู้การชลบุรี" ยังไม่ประสานมอบตัว มี 2 รายเป็นพลเรือนหนีออกนอกประเทศ

เมื่อเวลา 19.45 น. วันที่ 17 มิถุนายน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยความคืบหน้ากรณี ผู้บังคับการจังหวัดชลบุรีพร้อมพวกเรียกรับเงิน 140 ล้านบาท ว่า ในคดีนี้ เมื่อ 3-4 วัน ก่อน

ทางผู้เสียหายได้เดินทางมาที่สโมสรตำรวจ เพื่อแจ้งเรื่องร้องเรียนนี้ ในครั้งแรกยังไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง พร้อมระบุให้ผู้เสียหายทราบว่าการแจ้งความนายตำรวจระดับสูงต้องรับผิดชอบในการกระทำหากไม่เป็นความจริง ซึ่งทางผู้ร้องเรียนก็มีหลักฐานยืนยันว่ามีการเข้าไปแจ้งความที่ สภ.คูคต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการรับมอบเงิน ทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มีการสั่งให้ตรวจสอบ ซึ่งเมื่อสืบสวนสอบสวนแล้วพบว่ามีมูลความจริง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุอีกว่า วันที่ 18 มิ.ย.นี้ พนักงานสอบสวนจะเดินทางไปที่ศาลเพื่อขอหมายเรียกนายตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้ง 8 นาย มารับทราบข้อกล่าวหา เนื่องจากทั้งหมดได้ติดต่อมาเพื่อขอมอบตัว และมีการพูดคุยกันตลอดอยู่แล้ว แต่ในส่วนของพลเรือนทั้งสองคน เจ้าหน้าที่ก็จะขอหมายจับมาดำเนินคดี แต่เบื้องต้นทราบว่า ทั้งสองคนได้ กระทำแบบนี้มานาน และหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ซึ่งก็จะทำหมายแดงส่งอินเตอร์โพลตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อเอากลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย

ซึ่งนายตำรวจทั้งหมดจะถูกแจ้งข้อหาตามมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติโดยมิชอบ และ ข้อหา ตามมาตรา 149 เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ หรือจะรับผลประโยชน์ เบื้องต้นจะเป็นสองข้อหานี้ โดยมีการสอบปากคำไปแล้วบางส่วนแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบกับทางธนาคาร

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในส่วนของตำรวจที่มีการถูกระบุนั้น ได้มีการติดต่อตนมาเพื่อขอมอบตัว โดยได้ระบุให้ทยอยมาที่สโมสรตำรวจในวันพรุ่งนี้ และ ในวันที่ 19 มิ.ย.66

ทั้งนี้ในส่วนของ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ยังไม่มีการประสานเข้ามามอบตัว แต่ได้มีการพูดคุยไว้แล้ว ส่วนพลเรือนสองคนนั้นที่หลบหนีไปก่อนเป็นนกรู้ เพราะอยู่กับตำรวจ เมื่อรู้ว่าจะถูกออกหมายจับก็รีบหลบหนีออกนอกประเทศไปทันที แต่ไม่น่ากังวลอะไร เพราะทรัพย์สินยังมีอีกเยอะ ก็จะใช้มาตรการทางกฎหมายในการยึดทรัพย์

ส่วนการดำเนินคดีกับตำรวจก็มีทั้งคดีอาญาและทางวินัย หากพบว่าผิดวินัยร้ายแรงทาง ผบ.ตร.ก็จะมีการเซ็นคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนในคดีอาญาถือว่าเป็นการทุจริต เมื่อมีการสอบสวนดำเนินคดีก็จะส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. เมื่อ ป.ป.ช.รับคดีไปแล้วก็จะส่งเรื่องให้อัยการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนผู้เสียหายที่เดินทางมาแจ้งร้องเรียนนั้น ก็จะต้องถูกดำเนินคดีควบคู่กันไปด้วย เนื่องจากเกี่ยวพันกับเว็บพนันออนไลน์ โดยจะต้องมีการไล่ตรวจสอบย้อนหลังว่าเป็นเว็บไซต์เกี่ยวข้องกับอะไร ก็ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด

ทั้งนี้สาเหตุที่กลุ่มผู้เสียหายตัดสินใจเข้าแจ้งความ เพราะมาจากถูกเรียกเงินเยอะจนรับไม่ไหว และจากการตรวจสอบไม่พบว่าไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง ต้องยอมรับว่าผู้เสียหายทำธุรกิจสีเทา แต่ที่ผ่านมาไม่มีปัญหาเพราะทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ แต่ครั้งนี้การเรียกรับผลประโยชน์ถูกรีดไถอย่างหนักหนาสาหัส ฝ่ายคนทำธุรกิจผิดกฎหมายรับไม่ได้ เลยตัดสินใจมาร้องเรียน ส่วนใครที่เป็นหัวโจกในการคิดวิธีการพาไปตามโรงพักต่างๆ นั้น เจ้าหน้าที่ทราบแล้วว่เป็นใครแต่ไม่ขอเปิดเผย โดยมีทั้งตำรวจและพลเรือนร่วมมือกันไม่เช่นนั้นทำอะไรแบบนี้ไม่ได้

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในส่วนของทางผู้กำกับการ สภ.คูคต ไม่มีความกังวลอะไร เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่เท่านั้น จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขอยืนยันว่าตนไม่มีการเป็นศัตรูกับใคร แต่เมื่อทำความผิดก็ต้องถูกจับดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ที่ต้องทำเพราะเป็นเรื่องขององค์กร ทั้งนี้ตำรวจกับโจรมีเส้นบางๆ กั้นไว้ ถ้าเมื่อใดที่ก้าวข้ามเส้นแบ่งไปก็ต้องถูกดำเนินคดี

ในฐานะที่ตนเป็นผู้บังคับบัญชา ตร. ถ้าเมื่อใดพบเหตุลักษณะนี้ก็ต้องดำเนินคดี พบกี่รายก็ต้องดำเนินคดีหมด ถึงเป็นพี่น้องกันก็ต้องไม่โกรธกัน ต้องเข้าใจคนหมู่มากกว่าสอบแสนคน ถ้าช่วยลูกน้องบ้านเมืองก็ไม่สามารถพัฒนาได้ ประชาชนก็จะเสื่อมศรัทธา

ขณะที่ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเมื่อช่วงวานนี้ โดยปัดตอบปมวลีฉาวสะเทือนวงการสีกากี "เป้รักผู้การเท่าไหร่ เป้เขียนมา" เป็นคำพูดของ "ผู้การชลบุรี" หรือไม่ โดยโยนให้เป็นหน้าที่ของ พนักงานสอบสวนในคดีเป็นผู้คลี่คลายประโยคดังกล่าวว่าเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ อย่างไร

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส