ยายจำใจต้องออกมาเลือกตั้งล่วงหน้า หลังพบชื่อถูกลงทะเบียนไว้ เผย ก่อนหน้านี้มีเจ้าหน้าที่ อสม.มาขอบัตรประชาชน อ้างจะพาไปรับเงิน
บรรยากาศการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าที่ทั้งในและนอกเขตเลือกตั้งของหน่วยเลือกตั้งเขตที่1 จังหวัดขอนแก่น โดยใช้ศูนย์ประชุมนานาชาติ kice เป็นสถานที่ลงคะแนน พบว่ามีผู้ที่ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าเดินทางมาตั้งแต่ก่อนเวลา 08.00 น. ทำให้ถนนมิตรภาพช่วงขาออกตัวเมืองขอนแก่นรถติดเป็นทางยาวหลายกิโลเมตร เจ้าหน้าที่จราจรต้องคอยอำนวยความสะดวกตลอดเส้นทาง
ขณะที่ภายในสถานที่ลงคะแนนเลือกตั้งพบว่าประชาชนส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุมาต่อแถวเข้าคิวกันจนแน่นบริเวณลงทะเบียนเจ้าหน้าที่จึงต้องประชาสัมพันธ์และอำนวยความสะดวก โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ต้องยืนรอเป็นเวลานาน จากข้อมูลของกกต.ขอนแก่นระบุว่า ที่หน่วยเลือกตั้งแห่งนี้มีหน่วยเลือกตั้งทั้งในและนอกเขตจำนวน 49 หน่วยมีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์จำนวน 24,000 คน
ผู้สื่อข่าวเราได้พูดคุยสอบถามกับผู้ที่มาใช้สิทธิ์ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุทราบว่า ในช่วงเช้าได้มีหัวคะแนนเป็นผู้พามา เมื่อมาถึงจุดลงคะแนนก็ปล่อยให้ดำเนินการเองทั้งหมดจึงยังไม่เข้าใจขั้นตอนต่างๆ ประกอบกับจำนวนคนที่มีมากจึงทำให้ไม่สะดวกในการลงคะแนนจึงต้องออกมานั่งรอข้างนอก บางคนหัวคะแนนได้นำบัตรประชาชนไปลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า แต่มีการลงทะเบียนซ้ำ จึงทำให้ไม่มีชื่อในระบบ
โดยผู้สูงอายุรายหนึ่ง ระบุว่า มีหัวคะแนนเป็นเจ้าหน้าที่อสม.ในหมู่บ้านมาขอบัตรประชาชนบอกว่าจะพาไปเอาเงินจึงยอมให้บัตรประชาชนไป มารู้อีกทีว่ามีชื่อมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าจึงไปติดต่อกกต.ขอนแก่น และหลายหน่วยงานเพื่อขอยกเลิกการใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาจึงไม่สามารถทำได้ทำให้วันนี้ต้องเดินทางมาใช้สิทธิ์
ด้านนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า จากการติดตามบรรยากาศการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าพบว่า มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์กันคึกคักตั้งแต่เช้า จำนวนผู้ใช้สิทธิ์แต่ละหน่วยใกล้เคียงกับการเลือกตั้งเมื่อปี2562 จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายดูแลความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกประชาชนในทุกด้าน พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ให้วางตัวเป็นกลางโดยสั่งการให้ทุกอำเภอโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้องวางตัวเป็นกลาง ห้ามมีการขนคนมาลงคะแนนเด็ดขาด กรณีที่มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้งทางจังหวัดจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดส่งให้กกต.เป็นผู้พิจารณาตรวจสอบอีกครั้ง
_2.jpg)
