จากกรณี อัน ยู๋ ชิง ดาราสาวชาวไต้หวัน ที่อ้างว่าถูกตำรวจไทยรีดไถเงิน 27,000 บาท หลังมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุดมีการเช็กกล้องวงจรปิดพบขัดแย้งกับที่เธอโพสต์ก่อนหน้านี้ว่าถูกตำรวจยื้อกว่า 2 ชั่วโมง โดยจากวงจรปิดพบว่าเธออยู่ที่ด่านใช้เวลาประมาณ 47 นาที ขณะที่วงจรปิดในโรงแรมที่เธอพักก็พบในมือของเธอกำลังถืออุปกรณ์คล้ายบุหรี่ไฟฟ้า
ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 29 ม.ค 66 เมื่อช่วง 15.00 น. ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้เดินทางมาร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดี
ขณะเดียวกันเพจ ดาวแปดแฉก ได้โพสต์ภาพวงจรปิดของวันที่ 31 ธ.ค. 65 ปรากฎภาพ อัน ยู๋ ชิงเดินเล่นริมสระน้ำกับเพื่อนและมีควันออกจากปากคล้ายเป็นควันจากบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งวงจรปิดได้บันทึกภาพไว้ได้อย่างชัดเจน พร้อมตั้งคำถามว่า "โป๊ะแตกอ้างว่าถูกตำรวจยัดบุหรี่ไฟฟ้า"
นอกจากนี้ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ยังได้ภาพและคลิปหลักฐานใหม่เพิ่มเติมจากตำรวจซึ่งได้นำมาเปิดเผย จะพบว่าช่วงคืนวันที่ 4-5 ม.ค. ก่อนจะเกิดจะเกิดเหตุนั้น พบว่าเวลาประมาณ 15.59 น. ของวันที่ 4 ม.ค. 66 อันหยู๋ชิงและเพื่อนชายได้ใช้ลิฟท์ภายในโรงแรมที่พัก ซึ่งจะเห็นว่าในมือถือซ้ายเธอกำลังถือวัตถุคล้ายบุหรี่ไฟฟ้า
กระทั่งเวลาประมาณ 16.02 น. ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในโรมแรม บันทึกภาพหลังอันหยู๋ชิงออกจากลิฟท์ เธอได้ออกมายืนด้านหน้าโรงแรม และยืนถือวัตถุคล้ายบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมกับเล่นโทรศัพท์ไปด้วย
ต่อมาเวลาประมาณ 22.37 น. อันหยู๋ชิงได้เดินทางกลับมาที่ห้องพักอีกครั้ง ก่อนที่เวลาประมาณ 23.52 น. ภาพกล้องวงจรปิดด้านหน้าห้องพักของเธอ โดยตำรวจอ้างว่าภาพขณะที่เธออยู่ภายในห้องก่อนจะเดินออกไปจากที่พัก จะเห็นว่าในมือซ้ายของอันหยู๋ชิงถือมีลักษณะคล้ายกำลังถือบุหรี่ไฟฟ้าและถือโทรศัพท์ในมือขวา กระทั่งเวลาประมาณ 03.02 น. ของวันที่ 5 ม.ค. 66 อันหยู๋ชิงถูกตำรวจตรวจสอบและพบเจอบุหรี่ไฟฟ้า
ทั้งนี้จากข้อมูลไทม์ไลน์ในกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ซึ่งทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้มาพบว่า เส้นทางที่อันหยู๋ชิงใช้เดินทางในค่ำคืนที่เกิดเหตุ พบว่ามีความขัดแย้งกับที่อันหยู๋ชิงโพสต์ข้อความก่อนหน้านี้ โดยมีการระบุว่าถูกตำรวจเรียกตรวจนานกว่า 2 ชม. แต่ภาพกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้ด่านตรวจหน้าสถานฑูตจีนพบว่า เธออยู่ภายในด้านตรวจเพียง 47 นาที
โดยไล่เรียงไทม์ไลน์ดังนี้ เวลา 02.14 น. อันหยู๋ชิงออกจากผับย่านมักกะสันเวลา 02.27 น. โดยสารแกร็บพาถึงที่ด่านตรวจเวลา 02.53 น. แกร็บคันแรกที่โดยสารมาขับรถออกไปจากด่านตรวจเวลา 03.14 น. อันหยู๋ชิงเรียกรถแท็กซี่ให้มาส่งด้านหน้าปาร์คเทอร์เรซ แอท ห้วยขวาง
กระทั่งเวลา 03.46 น. ของวันที่ 5 ม.ค. 66 ทีมข่าวยังได้ภาพจากกล้องวงจรปิดและภาพนิ่งหลังเกิดเหตุ ซึ่งเพจ ดาวแปดแฉก ได้โพสต์ภาพโดยระบุว่า “ภาพเน็ตไอดอลสาวชาวไต้หวัน เดินบริเวณตลาดห้วยขวาง พร้อมกับเพื่อนชายอีก 2 คน ก่อนหน้าจะมาที่เดินตลาดห้วยขวาง เธอพร้อมเพื่อนอีก 4 คน ขึ้นรถแท็กซี่สีชมพูจากบริเวณด่านตรวจ โดยไปส่งเพื่อนชายคนหนึ่งที่พอพูดภาษาไทยได้นิดหน่อยที่พักใน ซ.รัชดาภิเษก 32 กรุงเทพฯ แล้วนั่งรถแท็กซี่คันเดิมมาที่ตลาดห้วยขวาง ข้อสงสัยหากเน็ตไอดอลสาวชาวไต้หวันถูกตำรวจเรียกเงิน 27,000 บาท ยังมาเดินเที่ยวต่อที่ตลาดห้วยขวาง กระเป๋าใบเล็กสีดำที่เน็ตไอดอลสาวชาวไต้หวันสะพายไว้ จำนวนเงิน 27,000 บาท ใส่ได้ทั้งหมดหรือไม่ ทั้งหมดแค่สงสัยเท่านั้น"
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช เปิดเผยว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการมายังศูนย์สืบสวนตำรวจนครบาลเข้ามาร่วมคลี่คลายคดี หลังดคีดังกล่าวผ่านไปแล้วกว่า 25 วัน แต่ยังไม่มีความชัดเจน โดยสิ่งแรกที่จะต้องทำในวันที่ 30 ม.ค. 66 คือการประสานไปยังตำรวจกองการต่างประเทศ สำนักงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อที่จะติดต่อประสานไปยัง น.ส.อันยู่ชิง ดาราสาวชาวไต้หวัน พร้อมเพื่อนรวม 4 คน เพื่อให้ปากคำอย่างเป็นทางการ และให้ชี้ชัดไปเลยว่าในวันเหตุตำรวจนายใดเป็นผู้เรียกรับผลประโยชน์ หากไม่สะดวกจะมีการส่งตำรวจไทยไปบันทึกคำให้การถึงที่เพื่อให้ได้ข้อมูลชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ส่วนเรื่องของการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเบื้องต้น จากกล้องที่ตำรวจได้มามีเพียงภาพวงจรปิดระยะไกล ซึ่งไม่สามารถชี้ชัดถึงตัวบุคคลหรือเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุได้อย่างชัดเจนว่าตำรวจมีการรีดไถเงินจริงหรือไม่
ส่วนเพื่อนชายทั้ง 3 คน ที่ เดินทางมาด้วยในวันเกิดเหตุขณะนี้ยังไม่ทราบว่าทั้งหมดเป็นใคร หรือยังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งก็อยากจะประชาสัมพันธ์ไปยังทั้ง 3 คน ให้ช่วยมาให้ปากคำกับตำรวจด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นเชื่อว่าชาย 1 ใน 3 คนที่เดินทางมากับสาวชาวไต้หวันนั้นน่าจะเป็นไกด์นำเที่ยว
เมื่อสอบถามถึงประเด็นของบุหรี่ไฟฟ้าว่า ดาราสาวไต้หวันที่ถูกตำรวจเรียกตรวจในวันเกิดเหตุเป็นความผิดจริงหรือไม่ ทำไมตำรวจถึงต้องตรวจ ซึ่งฝั่งดาราสาวไต้หวันอ้างว่าตำรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้าและรีดไถ่เงิน จำนวน 27,000 บ. พล.ต.ต.ธีรเดช ไม่ได้ตอบประเด็นนี้
ด้าน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ให้ความเห็นเรื่องนี้ว่า ใครที่ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ตาม พรบ.ศุลกากร มาตรา 244 มีโทษจำคุก 10 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท และยอมความไม่ได้
ซึ่งจริง ๆ แล้วหากตำรวจพบว่า สาวไต้หวันครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าก็ถือว่ามีความผิด และไม่เข้าใจว่าเหตุการณ์นี้ตำรวจปล่อยตัวไปได้อย่างไร ซึ่งควรนำตัวไปดำเนินไม่ใช่เตือนแล้วปล่อยกลับ เพราะตำรวจก็อาจจะมีความผิดฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องตรวจสอบว่าใครเป็นคนโกหกกันแน่
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเหตุการณ์ในครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้น หากตำรวจไทยทุกครั้งที่มีการตั้งด่านมีการบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด หรือบันทึกคลิปภาพเหตุการณ์ขณะตรวจไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งหากมีการบันทึกไว้คงจะไม่มีใครกล้ามาโจมตีตำรวจไทยได้
ขณะที่อินสตรแกรมของ อัน ยู๋ ชิงเคลื่อนไหวล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 66 โดยเจ้าตัวได้โพสต์ข้อความที่แปลเป็นไทยระบุว่า "ทำไมความจริง คำโกหกที่บิดเบือน ฉันขอขอบคุณทุกกำลังใจของคุณ ฉันตกลงที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อครั้งสุดท้าย ฉันจะแชร์รายละเอียดเกี่ยวกับประสบการณ์อันบอบซ้ำของฉันในประเทศไทยเป็นครั้งสุดท้าย โปรดให้เวลาและพื้นที่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้กับฉัน"
