พ่อแม่ "แก๊งยันหว่าง" ชี้ลูกคนดี ท้าเปิดกล้อง ยำตร.แฉถูกชิงทอง - ทนายดังยุรับสารภาพเถอะ (คลิป)

8 ก.ค. 60
กรณีเหตุวิวาทในปั้มน้ำมันบางจาก ถ.สุขาภิบาล 5 ซ.17 ที่เด็กปั๊มเข้าห้ามกลุ่มบุคคลกำลังสูบบุหรี่ภายในปั๊ม เป็นเหตุให้ไม่พอใจ กระทั่งทำร้ายร่างกายที่ก่อเหตุรุมทำร้าย ด.ต.ธวัช สายเสมา จนสลบ ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ที่ก่อเหตุทั้งหมดจำนวน 4 คนพร้อมเจอข้อหาทั้งหมด 6 ข้อหา มีเพียงนายรัตนเทพที่เจอเพิ่มข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่านข่าว: 4 โจ๋แก๊งยันหว่าง อ่วม เจอข้อหาหนัก ส่งฝากขังเรือนจำมีนบุรี พ่อเผย ลูกผมไม่ค่อยยุ่งกับใคร!) ล่าสุด 7 กรกฎาคม 2560 รักชาติ ชัยปราณีเดช พ่อของนายรัตนเทพ ชัยปราณีเดช ผู้ต้องหา บอกว่า ลูกชายเล่าให้ตนฟังว่าเรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ก.ค.60 ลูกชายก็ออกไปหาน้ำมันเก่ากับเพื่อน ก่อนจะเกิดเหตุทะเลาะวิวาทขึ้น ซึ่งตนไม่ทราบว่าลูกชายได้สูบบุหรี่ในปั้มน้ำมันจนมีการทะเลาะวิวาทหรือไม่ แต่ลูกบอกว่ามีเจ้าหน้าที่ชักปืนจะขู่และพูดจาไม่ดีใส่ ลูกชายเลยทำร้ายร่างกายเพื่อปกป้องตัวเอง แต่เรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนก็ไม่ได้เชื่อใครแต่อยากดูภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อเป็นหลักฐานยืนยัน เนื่องจากลูกเจอเพิ่มข้อหาลักทรัพย์ ลูกชายก็บอกว่าไม่ได้เอาไป ส่วนรัชนีย์ ชูวงศ์ เเม่ของนายปกรณ์ ชูวงศ์ ผู้ต้องหา เล่าว่า ลูกชายของตนบอกว่าโดนทำร้ายร่างกาย ซึ่งหากมีใครถามว่าลูกชายเข้าไปทำร้ายร่างกายก่อนก็อยากตอบเพียงว่า 4 คนกับ 50 คนลูกชายตนจะสู้ไหวหรือ ส่วนตนก็สงสัยว่าทำไมเจ้าหน้าที่มีตั้งหลายนายแต่ฝั่งลูกชายตัวเองก็มีแค่ 4 คน ทำไมเจ้าหน้าที่ไม่รีบระงับเหตุการณ์พร้อมกับขอความเป็นธรรมที่ให้ลูกชายถูกทำร้ายในสถานที่ราชการ ขณะที่ ภคพล โสลุน พ่อของสิทธิชัย โสลุน ผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ลูกชายตนบอกวันที่เกิดเหตุ รถเกิดหม้อน้ำรั่ว จึงจะเข้าไปขอเติมน้ำในปั๊มน้ำมัน โดยรถเป็นรถกระบะและขนถังบรรทุกน้ำมันพืชเก่ามาด้วย หากบอกว่าลูกชายขับรถหนีก็คงจะเป็นไปไม่ได้เพราะหม้อน้ำยังรั่วอยู่ ส่วนเรื่องสูบบุหรี่ตนก็ไม่มั่นใจแต่ลูกชายมีพฤติกรรมสูบบุหรี่จริง จนสุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็ได้เข้ามาระงับเหตุการณ์ทะเลาะวิวาท โดยลูกยอมรับว่าจะระงับอารมณ์ไม่อยู่แล้ว จึงเกิดการชุลมุนต่อเนื่อง ซึ่งตนติดใจว่าทำไมตำรวจไม่ห้าม และลูกไม่ได้อยู่ในแก๊งยันหว่าง
สัมพันธ์ ทับหิรัญ น้าชายและแม่ของของนายโสภณ โกสินทร์ ผู้ต้องหา
สัมพันธ์ ทับหิรัญ น้าชายและแม่ของของนายโสภณ โกสินทร์ ผู้ต้องหา ออกมาชี้แจงว่า ตนยอมรับว่านายโสภณ หลานชายทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง แต่เหตุการณ์ที่โรงพักน้าชายก็อยู่ ขณะนั้นมีเเค่เจ้าหน้าที่ทหารระงับเหตุ และตำรวจมากกว่า 10 นาย กลับยืนนิ่งจนกระทั่งเหตุยุติ ทหารเดินเข้าไปชี้หน้าผู้กำกับการสน.สายไหมแล้วต่อว่าที่ไม่สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าระงับเหตุแต่กลับเดินหันหลังให้แล้วกลับเข้าห้องไป ตนอยากเรียกร้องอยากจะขอภาพกล้องวงจรปิดจากจุดที่ปั้มน้ำมันและโรงพัก ส่วนสิ่งของของหลานชายก็หายไประหว่างเกิดเหตุอีกด้วย นอกจากนี้ทรัพย์สินของหลาน คือ เลสข้อมือ เลี่ยมทอง มูลค่า 2-3 หมื่นบาท ที่หายระหว่างเกิดเหตุชุลมุนนั้นก็อยากจะให้สืบเสาะหาจนได้คืนกลับมา ทางด้าน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ  เปิดเผยถึงแนวทางในคดีดังกล่าวว่า อันดับแรกต้องตรวจสอบว่าดาบตำรวจรายดังกล่าวกับผู้ต้องหาเคยเป็นคู่อริมาก่อนหรือไม่ และหากไม่รู้จักกันมาก่อน ตำรวจจะยัดข้อหาลักทรัพย์ได้อย่างไร ส่วนที่ทางครอบครัวผู้ต้องหาไม่มีหลักทรัพย์ในการประกันตัว แนะนำให้นำหลักฐานเกี่ยวกับคดี ไปยื่นขอหลักทรัพย์ประกันตัวที่กองทุนยุติธรรม ซึ่งจะมีเงินให้ยืมสำหรับใช้ประกันตัว ทนายยังฝากบอกกับทางญาติว่าอย่าคิดสู้คดีนี้เลย ให้บอกผุ้ต้องหายอมรับสารภาพไปเพราะโทษจะได้ลดลง

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ