วันที่ 21 ธ.ค. 65 เวลา 10.00 “กัน จอมพลัง” หรือ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ ได้พา น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 20 ปี เดินทางมายัง สภ.ปลวกแดง จ.ระยอง เนื่องจากได้รับการติดต่อความช่วยเหลือจาก น.ส.เอ เพราะต้องการทราบความจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของลูกชายวัย 10 เดือน หลังจากฝากลูกไว้กับบ้านรับเลี้ยงเด็ก
โดยแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า “ภาวะแทรกซ้อนจากการบาดเจ็บบริเวณใบหน้า และในช่องปากจากการถูกทำร้าย” แต่พี่เลี้ยงอ้างว่าเด็กล้มโดนของเล่น ทำให้ น.ส.เอ คาดว่าลูกถูกกรอกน้ำยาล้างห้องน้ำ เนื่องจากมีบากแผลบริเวณผิวหนังรอบปาก
ทั้งนี้ น.ส.เอ ได้โทรศัพท์สอบถามแนวทางการแจ้งความจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปลวกแดง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจถามกลับ “มีกล้องวงจรปิดไหม ทำไมหลังเกิดเหตุไม่มาแจ้งความ ติดต่อช้า จะไปทำอะไรได้”
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 20 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยให้ทีมข่าวฟังว่า ตนมีลูก 2 คน น้องโมเดล ลูกชายที่เสียชีวิต อายุ 10 เดือน เกิดวันที่ 11 ก.พ. 65 โดยตนต้องออกไปทำงานทุกวันซึ่งบางวันต้องทำงานล่วงเวลา ตนจึงได้โพสต์ตามหาพี่รับเลี้ยงเด็กผ่านโซเชียลฯ จน นางพรทิพย์ ได้ติดต่อมาในเดือน ก.ย. ขณะนั้นลูกชายอายุ 7 เดือน ซึ่งตนได้ตกลงจ่ายค่าจ้างแก่ นางพรทิพย์ เดือนละ 7,500 บาท ตนจึงพาลูกสาวและลูกชายไปฝากกับ นางพรทิพย์ ซึ่งนางพรทิพย์เลี้ยงลูกของตนอย่างดี เด็ก ๆ ร่าเริงและเจริญอาหาร
จนเวลาผ่านไป 3 เดือน เมื่อต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ตนเดินทางไปรับลูก ซึ่งตนสังเกตเห็นแผลบริเวณริมฝีปากบนของลูกชาย มีลักษณะเป็นตุ่มน้ำ โดยนางพรทิพย์แจ้งว่าลูกชายของตนลัมหน้าฟาดกับของเล่น แต่หลังจากนั้นแผลรอบปากของลูกชายก็เริ่มใหญ่ขึ้น มีลักษณะเหวอะคล้ายถูกน้ำร้อนลวก นางพรทิพย์จึงทายาม่วงให้แต่แผลดังกล่าวก็ไม่ดีขึ้น อีกทั้งร่างกายของลูกชายของตนก็เริ่มซูบผอม นอกจากนี้ตนยังสังเกตเห็นแผลสดมีน้ำหนองบริเวณศีรษะ ในช่วงต้นเดือน ธ.ค. ตนจึงพาลูกชายไปตรวจที่โรงพยาบาล
โดยตอนแรกทางโรงพยาบาลคิดว่า ลูกชายของตนถูกน้ำร้อนลวก จึงให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 2 สัปดาห์ ซึ่งต่อมาลูกชายมีภาวะปอดติดเชื้อ และช่องปากเน่า กรามโยก ทำให้อาการของลูกชายเข้าขั้นวิกฤตมีโอกาสรอดเพียง 50:50
จนสุดท้ายลูกชายเสียชีวิตในวันที่ 17 ธ.ค. 65 โดยผลชันสูตรแจ้งว่าเป็นการถูกทำร้าย ตนจึงเดินทางมาที่ สภ.ปลวกแดง เพื่อให้ทางเจ้าที่ตำรวจเข้าไปสอบถามกับ นางพรทิพย์ พี่เลี้ยงเด็ก โดยเจ้าหน้าตำรวจที่สถานีตำรวจแจ้งให้ตนโทรศัพท์หาร้อยเวร แต่ทางร้อยเวรตอบกลับว่า “เด็กเสียชีวิตไปแล้วจะเอาอะไร ร่างก็เผาไปแล้ว”
ตนยอมรับว่า ผิดที่ไม่ตรวจสอบนางพรทิพย์ให้ดีเนื่องจากตนไม่มีเวลาเลี้ยงลูก จึงจำใจต้องฝากลูกให้นางพรทิพย์เลี้ยง แม้นางพรทิพย์จะให้อาหารลูกของตนไม่เป็นเวลาตนก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะไม่มีทางเลือก ส่วนการแจ้งความช้าไม่ได้แจ้งตั้งแต่วันที่เห็นแผลของลูกชายเพราะตนติดงาน ตนเพิ่งเริ่มทำงานตนกลัวตกงาน
โดยวันนี้ตนได้เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว แต่ตนยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับพี่เลี้ยง ซึ่งตนอยากถามความจริงว่าเกิดอะไรขึ้น ตนสูญเสียลูกชาย ลูกสาวของตนสูญเสียน้องชาย ตนอยากได้รับความยุติธรรม ดำเนินคดีตามกฎหมายเพื่อที่แม่คนอื่นจะได้ไม่ต้องมาประสบเหตุแบบตน
โดยหลังจากที่ น.ส.เอ และ กัน จอมพลัง เข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียก นางพรทิพย์ (สงวนนามสกุล) พี่เลี้ยงเด็ก ผู้ถูกกล่าวหา เข้าให้ปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง
นางพรทิพย์ เผยหลังจากสอบปากคำว่า ตนรับเลี้ยงเด็กเนื่องจากอยากมีรายได้เสริม ซึ่งตนดูแลลูกของ น.ส.เอ อย่างดี โดยในตอนแรกฝากวันต่อวันแต่ระยะหลังฝากข้ามคืน เพราะ น.ส.เอ แจ้งว่าจะไปทำงานกลางคืนหารายได้เสริม ซึ่งตนก็ยินดีดูแลเด็กให้ เหตุที่เกิดขึ้นตนมองว่า น.ส.เอ เป็นฝ่ายที่ไม่ใส่ใจลูกของตัวเอง เวลาที่นมเด็กหมด น.ส.เอ ก็จะแจ้งว่าให้เด็กกินนมโรงเรียนไปก่อน เวลาเด็กป่วยแล้วตนแจ้งไป อีกฝ่ายก็จะตอบแค่ “จ๋าแม่” โดยหากแม่เด็กไม่มีเงินตนก็จะหาซื้อยามาให้เด็กเองอยู่ตลอด ซึ่งหากตนไม่มีเงิน ตนก็จะไปหายืมเงินเพื่อไปซื้อยาให้เด็ก
จนช่วงเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ตนสังเกตเห็นว่า น้องโมเดล ที่เสียชีวิต เรื่มมีบาดแผลลักษณะตุ่มใสขึ้นบริเวณด้านในช่องปาก ด้วยความตกใจตนจึงแจ้งอาการให้ น.ส.เอ ทราบ เพื่อที่จะให้แม่เด็กพาเด็กไปหาหมอ แต่ น.ส.เอ ได้แต่บอกว่า “เดี๋ยวก่อน ๆ หนูหาเงินก่อน” จนแผลบริเวณปากลุกลามไปทั่วปาก ทั้งนี้แผลที่ปากไม่เกี่ยวกับการที่เด็กล้มฟาดเลโก้ของเล่น คาดว่าแม่เด็กนำเรื่องราวต่าง ๆ ไปโยงมั่ว โดยน้องโมเดลเคยนั่งเล่นอยู่แล้วพี่สาววิ่งมาชนจนหน้าน้องโมเดลกระแทงเลโก้ แต่น้องโมเดลไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ
นางพรทิพย์ เผยต่อว่า ตนรับเลี้ยงเด็กมาหลายคน ตนรักทุกคนเหมือนลูกหลานของตัวเอง ซึ่ง น.ส.เอ ก็เคยชมว่าตนเลี้ยงเด็กดี อีกทั้งยังเคยกล่าวว่ารักตนเหมือนแม่ เนื่องจาก น.ส.เอ ถูกครอบครัวไล่ออกจากบ้าน ตนจึงไม่เข้าใจว่าทำไม น.ส.เอ จึงมากล่าวหาว่าตนทำร้ายเด็กแบบนี้
ในส่วนประเด็นบาดแผลบนศีรษะเด็กนั้น ตนขอชี้แจงว่าก่อนหน้านี้ตนสังเกตเห็นว่าเด็กมีผื่นขึ้นบริเวณศีรษะ จึงทำการแจ้งไปยังน.ส.เอ เบื้องต้น ตนจึงนำน้ำเกลือล้างทาบริเวณศีรษะเด็กพร้อมทายาแดงให้จนแผลเริ่มดีขึ้น ในประเด็นที่ น.ส.เอ ตั้งข้อสงสัยว่า เด็กเสียชีวิตเกิดจากการกินน้ำยาล้างห้องน้ำ ตนขอชี้แจงและอยากให้ทุกคนคิดกลับกันว่า หากเด็กกินน้ำยาล้างห้องน้ำจริง เด็กวัย 10 เดือน จะมีชีวิตอยู่ต่อจนถึงขั้นไปพบแพทย์แล้วนอนโรงพยาบาลนานนับสัปดาห์ได้หรือไม่ เพราะแค่ผู้ใหญ่ถูกน้ำยาล้างห้องน้ำสัมผัสผิวหนังก็ยังแสบร้อน
โดยในขณะที่น้องโมเดลอยู่โรงพยาบาล ตนก็ได้สอบถามอาการของเด็กจากแม่เด็กอยู่ตลอด ซึ่งในตอนแรกอาการของเด็กดีขึ้น แต่จู่ ๆ ความดันเด็กต่ำลง ซึ่งตนก็พยายามสอบถามว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แต่แม่เด็กก็ตอบว่า “ไม่รู้” อย่างเดียว เพราะไม่ได้เฝ้าลูกที่โรงพยาบาล ทั้งนี้ตนมองว่าหากแม่เด็กนำเด็กไปหาหมอทันที หลังจากที่ตนแจ้งอาการเด็กก็คงไม่เสียชีวิต โดยตนขอยืนยันได้ว่าที่ผ่านมาตนไม่เคยทำร้ายร่างกายเด็กแต่อย่างใด ซึ่งตนรู้สึกผิดหวังและเสียใจที่แม่เด็กสงสัยในตัวตน เนื่องจากตนดีกับอีกฝ่ายทุกอย่าง
หลังจากนี้ก็ต้องให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการพิสูจน์หาความจริง เพราะตนได้แจ้งข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเหมือนที่ให้ข่าว อย่างไรก็ตามสำหรับสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กนั้น ตนคาดว่าน่าจะเกิดจากโรคประจำตัวของเด็ก เพราะก่อนที่เด็กจะมาอยู่กับตนนั้น แม่เด็กบอกว่าเด็กไม่มีภูมิคุ้มเนื่องจากไม่เคยฉีดวัคซีนใด ๆ เลย
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใด ๆ กับฝ่ายใดทั้งสิ้น โดยกำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน
ทั้งนี้ เพื่อนบ้านของนางพรทิพย์ บอกว่า นางพรทิพย์ย้ายมาเช่าบ้านโดยรับจ้างเลี้ยงเด็กมาแล้วหลายรายซึ่งไม่เคยมีปัญหา โดยเมื่อต้นเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา นางพรทิพย์เดินบ่นภายในซอยคล้ายต้องการประกาศให้ชาวบ้านรู้ “เด็กป่วย แม่ก็ไม่เคยมารับพาไปโรงพยาบาล” ซึ่งตนก็งงว่านางพรทิพย์จะบ่นเสียงดังให้ชาวบ้านได้ยินทำไม