อึ้ง! กระทงโฟม 1 ใบ ใช้เวลาย่อยสลาย 1 พันปี ชวนลอยแบบรักษ์สิ่งแวดล้อม

8 พ.ย. 65

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข แนะประชาชนเลือกกระทงที่ทำจากวัสดุจากธรรมชาติเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม เพราะกระทงที่ทำจากโฟมใช้ระยะเวลาย่อยสลายกว่า 1,000 ปี พร้อมขอความร่วมมือผู้เตรียมจัดงานเทศกาลลอยกระทง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคุมเข้มมาตรการรักษาความปลอดภัย

​นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า เทศกาลลอยกระทงปีนี้ หลายพื้นที่ ที่มีการจัดงานลอยกระทง ขอความร่วมมือประชาชนร่วมใจกันลอยกระทงอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการเลือกกระทงที่ทำจากวัสดุจากธรรมชาติ ไม่มีสารก่อมลพิษต่อแหล่งน้ำ เช่น ทำจากต้นกล้วย หยวกกล้วย ใบตอง เพราะกระทงที่ทำจากขนมปัง หรือโคนไอศกรีม ใช้ระยะเวลาย่อยสลายประมาณ 3 วัน กระทงที่ทำจากต้นกล้วย ใบตอง กะลามะพร้าว ใช้เวลาย่อยสลายประมาณ 14 วัน กระทงที่ทำจากกระดาษ ใช้เวลาย่อยสลายประมาณ 2 - 5 เดือน และกระทงที่ทำจากโฟม ใช้เวลาย่อยสลายยาวนานที่สุดกว่า 1,000 ปี

แนะวิธีลดประมาณขยะจากกระทง ด้วยการลดจำนวนกระทง เหลือ 1 กระทง 1 ครอบครัว 1 กลุ่มเพื่อน ให้ลอยด้วยกัน

โดยควรเลือกสถานที่ลอยกระทงที่มีเจ้าหน้าที่เก็บขนขึ้นมา และเป็นแหล่งน้ำปิด ไม่ลอยในแม่น้ำลำคลอง เพื่อไม่ให้วัสดุต่างๆ
ลอยลงสู่แม่น้ำ สำหรับกระทงขนมปัง ขนมข้าวโพด ควรลอยในแหล่งน้ำที่มีปลาเพื่อป้องกันน้ำเน่าเสีย โดยเลือกกระทง
ที่ไม่ใช้วัสดุหลากหลายเกินไป งดใช้เข็มหมุด พลาสติก โฟม เพราะย่อยสลายยากและเป็นขยะในแหล่งน้ำ
หรือเลือกลอยกระทงออนไลน์แทน เพื่อลดปริมาณขยะ


​“สำหรับผู้ประกอบการจัดงาน หรือหน่วยงานต่าง ๆ ขอความร่วมมือคุมเข้มมาตรการความปลอดภัย เช่น ห้ามเล่นประทัด พลุ ดอกไม้เพลิง ปล่อยบั้งไฟ ตะไล โคมไฟ โคมควัน เป็นต้น เนื่องจากการเล่นประทัด พลุ ดอกไม้เพลิง ถือเป็นพฤติกรรมเสี่ยงอันตราย นอกจากจะทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายแล้ว ผู้ที่เล่นประทัดเอง อาจได้รับอันตรายจากสารเคมี ได้รับบาดเจ็บจนถึงสูญเสียอวัยวะ และก่อให้เกิดอัคคีภัยตามมาได้ นอกจากนี้ การจุดประทัดแต่ละครั้งอาจก่อให้เกิดเสียงที่มีระดับความดังสูงถึง 130 เดซิเบล เอ ทำให้เกิดอาการหูตึงชั่วคราว แต่หากได้ยินติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจส่งผลให้เกิดอาการหูตึงถาวรได้ ที่สำคัญ ผู้ปกครองต้องเฝ้าระวังบุตรหลานไม่ให้คลาดสายตา เพราะอาจพลัดหลง หรือตกน้ำได้ ทั้งนี้ หากพบเห็นผู้ที่เกิดอันตราย หรือได้รับบาดเจ็บ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ หรือโทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ โทร 1669 ได้ทันที ตลอด 24 ชั่วโมง” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส