กระติก ลั่น! อยากเป็นจำเลย ขอคดีขึ้นศาลโดยเร็ว แซน หมายหัวฟ้อง แก๊งหลักฐานทิพย์

7 ก.ค. 65

กระติก-เเซน ร้อง อสส.ขอสั่งคดีขึ้นศาลโดยเร็ว โวยอัยการสั่งสอบเพิ่มปมตรวจโทรศัพท์ซ้ำซาก ยันมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ

 

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 65 ที่ชั้น 2 สำนักงานอัยการสูงสุด นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ (แซน) และ น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ (กระติก) เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด โดยมีนายกฤษฎา กสานติกุล รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้รับหนังสือ

 

โดย นายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ทนายความกระติก บอกว่า การยื่นหนังสือวันนี้เป็นความประสงค์ของผู้ต้องหาทั้งหมด และเป็นสิทธิที่จะร้องขอความเป็นธรรม เพราะอยากพิสูจน์ตัวเองต่อสังคมรับรู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดตามที่ถูกสังคมพิพากษามาหลายเดือน 

 

ซึ่งเมื่อช่วงเช้ายังไม่ได้ทราบว่าจะเลื่อนฟังคำสั่งเป็น 3 ส.ค.65 และมองว่า เป็นเรื่องดีที่ได้ยื่นหนังสือ เพื่อให้รับพิจารณา และให้เร่งรัดในการทำสำนวนเพื่อฟ้องผู้ต้องหาเองทั้งหมดโดยเร็ว เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและพิสูจน์กันในชั้นศาลว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด

 

ทั้งนี้หากไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด ก็ไม่กังวลหากมีข้อหาอะไรเพิ่ม แต่อยากเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และอันไหนที่ให้ความร่วมมือได้ก็จะให้ แต่ถ้าอันไหนให้ความร่วมมือไม่ได้ก็จะต้องสงวนไว้ และไม่ขอเปิดเผยในชั้นนี้ว่าอันไหนให้ความร่วมมือไม่ได้ ส่วนประเด็นที่สั่งสอบเพิ่มเติมไปก่อนหน้านี้ได้ให้ปากคำไปหมดแล้ว

 

นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความของแซน เปิดเผยว่า ที่มาร้องขอความเป็นธรรมในครั้งนี้เนื่องจากคดีมีการเลื่อนฟังคำสั่งหลายครั้งอยากให้เร่งรัดฟ้องคดีโดยเร็ว ผู้ต้องหาอยากเข้าพิสูจน์ในชั้นศาลโดยเร็วจากที่ถูกสังคมพิพากษามาก็เลยขอให้พนักงานอัยการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเร็วที่สุดส่วนจะโดนฟ้องข้อหาอะไรบ้างเมื่อเราเป็นผู้บริสุทธิ์เราก็ไม่หวั่น ส่วนประเด็นที่อัยการสั่งสอบเพิ่มเราขอเรียนว่าอะไรที่ให้ความร่วมมือได้เราก็จะให้

 

และอาจใช้สิทธิในการฟ้องกลับผู้ฟ้องเท็จที่ดำเนินการถอนฟ้อง ส่วนศาลจะพิจารณาอย่างไรขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ โดยการร้องขอความเป็นธรรมวันนี้ไม่ได้กล่าวโทษอัยการ แต่ผู้ต้องหามีสิทธิร้องขอความเป็นธรรม ให้ทำคดีโดยรวดเร็วเที่ยงธรรม พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมผู้ต้องหาต้องถูกสั่งสอบเพิ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า ควรให้โอกาสและให้สิทธิบ้าง ดังนั้นเมื่อมากระทบสิทธิ ผู้ต้องหาจึงต้องออกมาปกป้องสิทธิ

 

ส่วนการเตรียมฟ้องกลับ แม้ผู้เสียหายจะมีการถอนฟ้องไปนั้น มองว่า เมื่อผู้ต้องหาถูกดำเนินการยื่นฟ้องที่เป็นเท็จหรือไม่เป็นความจริง ในฝั่งผู้เสียหายที่ยื่นฟ้องเอง เมื่อฟ้องมาแล้วความผิดมันเกิดขึ้นฝั่งผู้ต้องหามองว่าก็ต้องปกป้องสิทธิ แม้แม่แตงโมจะถอนฟ้องไปแล้ว แต่สิทธิยังมีอยู่ ซึ่งฝั่งผู้ต้องหาก็ต้องฟ้องกลับกับคนที่ฟ้องเท็จ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นใคร ส่วนศาลจะพิจารณาอย่างไรเป็นดุลยพินิจของศาล

 

และยืนยันว่า หลังจากอัยการจังหวัดนนทบุรี มีคำสั่งสั่งฟ้อง คนบนเรือจะออกมาใช้สิทธิอย่างเต็มที่ กับทุกๆคนทุกการกระทำผิด ต่างกรรมต่างวาระ ในสิทธิที่คนบนเรือถูกโดนละเมิด โดยหากสั่งฟ้องวันที่ 3 ส.ค.วันที่ 4,5,6,ส.ค.ก็จะยื่นฟ้องทันที ในข้อหา ฟ้องเท็จ และ ม.181 ให้ผู้อื่นได้รับโทษหนักทางอาญาสูงสุดถึงประหารชีวิตกับบุคคลทั้งหมด 2 คน

 

ทนายความแซน บอกว่า แล้วแต่สื่อมวลชนจะเรียก ส่วนการชี้แจง ของอัยการจังหวัดนนทบุรีเมื่อเช้าที่ดูเหมือนตึงเครียดนั้น ทนายความบอกว่า ไม่ได้ตึงเครียด แต่มีการชี้แจงเหตุผล วันนัดหมายมากกว่า

 

น.ส.อิจศรินทร์ ระบุว่า อยากให้ทุกคนใช้วิจารณญาณถึงคดีนี้ สำหรับการออกมาร้องขอความเป็นธรรมครั้งนี้เพื่อปกป้องสิทธิของตนเองตามรัฐธรรมนูญ เพราะเมื่อคดียังไม่เข้าสู่กระบวนการศาล แต่สังคมพยายามให้เราเป็นฆาตกรให้ได้ โดยที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้แจ้งข้อหาฆาตกรรม แต่กลับมีคนไม่พอใจ ทั้งที่มันไม่มีหลักฐาน

 

สำหรับเหตุผลที่ไม่ร้องขอความเป็นธรรมแต่แรก เพราะอัยการเลื่อนนัดฟังคำสั่งมาตลอด เป็นเวลาเนิ่นนานหลายเดือน และไม่เคยมีใครมาชี้แจงเหตุผล จนวันนี้ที่มีอัยการจังหวัดมาชี้แจง แต่เป็นเพียงเหตุผลส่วนหนึ่งเท่านั้น

 

สังคมต้องรับผลของการกระทำ หากตนเองจะฟ้องร้อง ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อฟ้องร้องกับบุคคลที่เข้ามาต่อว่ารวมแล้วกว่า 10 ราย โดยหลังจากนี้คาดว่า อีก 3 คนบนเรือจะเข้ามายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมด้วย

 

ส่วนประเด็นที่แม่ภนิดา ศิระยุทธโยธิน ถอนฟ้องคดีฆาตกรรม เพิ่งทราบข่าวเมื่อเช้านี้ ก็เป็นสิทธิของแม่ เราก็ตั้งรับว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ซึ่งต้องคุยกับทีมทนายอีกครั้ง ขณะที่โทรศัพท์มือถือที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกไปตรวจสอบไปเเล้ว มองว่า ไม่เจอควรจบส่วนตัวอยากเป็นจำเลย ไม่ใช่มาขอตรวจสอบอีก เพราะโทรศัพท์เราไว้ใช้งานขาดไป 1 วันก็ร้อนใจเพราะเป็นของจำเป็น ขณะนี้ประเด็นงอกมาไม่จบสิ้น ซ้ำซ้อน เรามีสิทธิปฏิเสธไม่ให้ตรวจดูโทรศัพท์ตามรัฐธรรมนูญ

 

นายวิศาพัช กล่าวว่าคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมข้อมูลในโทรศัพท์มือถือเป็นวัตถุพยานแต่แรกแล้ว ขณะนี้มีแต่เรื่องส่วนตัว รู้สึกเบื่อกับคนที่ขุดคุ้ยซ้ำซาก ไม่จบสิ้น อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินไปตามหลักการและเหตุผล ไม่ใช่ตามกระแสสังคม หลังจากนี้จะดำเนินการให้ถึงที่สุดกับคนที่ชอบละเมิด ขณะนี้มี 4 ราย หากผิดควรออกมาขอโทษ และเป็นตัวอย่างให้คนรุ่นหลัง พร้อมขอให้บุคคลที่ออกมากล่าวหาตนเอง เก็บหลักฐานทิพย์ไปโชว์ในเมืองทิพย์

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส