ตำรวจเผยโฉม "ไอ้เบส” คนร้ายชิงทอง 153 บาท ในห้างดังเมืองโคราช พบเป็นอดีตทหารวัย 28 ปี ประวัติโชกโชน จัดชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าหลังศาลออกหมายจับแล้ว
จากเหตุการณ์ที่คนร้ายบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืนพกสั้นบุกเข้าไปชิงทองคำที่ห้างทองเยาวราชกรุงเทพบริเวณชั้น 1 ภายในห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัสสาขานครราชสีมา ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา โดยกล้องวงจรปิดภายในร้านทองสามารถจับภาพคนร้ายไว้ได้ลักษณะของคนร้ายเป็นชายรูปร่างผอมสูง สวมเสื้อแขนยาวลายตรงสีดำ กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบ และหมวกไหมพรมสีดำปิดอำพรางใบหน้า เดินบุกเดี่ยวเข้าไปในร้านทองและใช้อาวุธปืนพกสั้นข่มขู่พนักงาน
จากนั้นคนร้ายปีนขึ้นไปบนตู้โชว์กวาดเอาถาดทองคำไป 1 ถาด เป็นสร้อยคอทองคำจำนวน 51 เส้น น้ำหนักเส้นละ 3 บาท รวมน้ำหนัก 153 บาท มูลค่ากว่า 4.5 ล้านบาท โดยใช้ระยะเวลาในการลงมือก่อเหตุไม่ถึง 20 วินาที ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ สีส้มขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนขี่หลบหนีไปไปทางถนนเลียบนคร และไปหาภรรยาที่บ้านใหม่ ต.บ้านใหม่ อ.เมืองนครราชสีมา และหลบหนีออกจากตัวจังหวัดนครราชสีมา
ความคืบหน้าล่าสุดบ่ายวันนี้ (14 เมษายน 2565) ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ร่วมกับชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาและชุดสืบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ยังคงเร่งแกะรอยไล่ล่าตัวคนร้ายที่ก่อเหตุโดยล่าสุดศาลจังหวัดนครราชสีมาได้อนุมัติหมายจับ นายกิตติพงษ์ หรือ นายเบส อายุ 28 ปี ในข้อหาชิงทรัพย์ทั้งนี้ชุดสืบสวนมีข้อมูลว่านายกิตติพงษ์ผู้ต้องหารายนี้เคยเป็นอดีตทหารและพบประวัติอาชญากรโชกโชน โดยเมื่อปี 2559 นายกิตติพงษ์เคยถูกตำรวจจับกุมคดียาเสพติดพร้อมพรรคพวก พร้อมของกลางยาไอซ์และยาบ้าในเขตกรุงเทพมหานคร
พันตำรวจเอกประสิทธิ์ เปรมกมล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เปิดเผยว่า ภายหลังแกะรอยกล้องวงจรปิด ติดตามไปจนพบรถจักรยานยนต์คันก่อเหตุ ซึ่งคนร้ายยืมมาจากคนรู้จัก ก่อนนำไปใช้ก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ร้านทอง พอหลังก่อเหตุเสร็จคนร้ายได้ขี่มาคืนให้กับเจ้าของ และจากแนวทางการสืบสวน ทราบว่า ชายคนร้ายมีภูมิลำเนาอยู่ที่ภาคเหนือ แต่มามีภรรยาอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา และจากการสอบปากคำบุคคลใกล้ชิดของคนร้าย ทำให้ชุดสืบสวนมั่นใจว่า คนร้ายรายนี้ได้หลบหนีออกไปจากพื้นที่แล้ว ซึ่งวานนี้ศาลได้อนุมัติหมายจับคนร้ายชิงทองในห้างสรรพสินค้ารายนี้ และขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
