กรณีความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของดาราสาว “แตงโม นิดา” ที่ตกแม่นํ้าเจ้าพระยา แล้วมีปริศนาในคดีหลายเรื่อง ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า "อ้าว ทนายแม๊เคยมีคดีฉ้อโกงผู้เสียหายเป็นสิบ? คือยังไงแม๊?"
ขณะที่ "เพชร กรุณพล" ก็ได้ออกมาทวีตข้อความเกี่ยวกับทนายของแม่สาวแตงโมว่า "มีคนโทรมาแจ้งว่าถูกทนายที่แม๊จ้างโกงเมื่อสี่ห้าปีที่แล้ว อยากจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเอง…มีเรื่องใหม่ ๆ ทุกวันคดีนี้มันจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหนเนี่ย #แตงโม"
ล่าสุดวันที่ 9 มี.ค.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางมาพบกับนางสาวมุก (นามสมมติ) อายุ 23 ปี ผู้เสียหายที่ถูกทนายคนดังกล่าวฉ้อโกง เปิดเผยว่า เมื่อช่วง 4-5 ปีที่เเล้ว ช่วงปี 2560 ขณะนั้นตนอายุประมาณ 17-18 ปี กำลังหาที่เรียนพิเศษเพื่อสอบเข้าคณะนิติศาสตร์ จึงรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ 4-5 คน เพื่อไปเรียนพิเศษกฎหมาย โดยมีครูที่โรงเรียนมัธยมเเนะนำให้ไปเรียนกับทนายคนดังกล่าวที่เปิดสอนพิเศษอยู่ใน จ.อุดรธานี โดยเช่าตึกเปิดเป็นที่สอนพิเศษ นอกจากนี้ ญาติห่าง ๆ ของตนที่เป็นทนายความ ยังรู้จักกับทนายคนดังกล่าวอีกด้วย ตนจึงไว้ใจเเละได้ไปเรียนพิเศษ
ในช่วงของการเรียนพิเศษนั้น ทนายคนดังกล่าว สอนสนุก อัธยาศัยดี ใจดี ชอบเลี้ยงข้าวเด็ก ๆ ส่วนบ้านของภรรยาทนายคนดังกล่าวก็อยู่ใกล้ ๆ กับบ้านของตน ตนก็ยิ่งไว้ใจ หลังจากเรียนพิเศษไปสักพักช่วงหนึ่งตนก็ถูกทนายคนดังกล่าวยืมเงิน อ้างเรื่องราวน่าสงสารมา เช่น จ่ายค่าเทอมให้ลูก ยืมเงินไปรักษาเเม่ป่วย ไปจัดงานศพ ซึ่งครั้งเเรกที่ยืมเงินไปจ่ายเงินค่าเทอมลูก 10,000 บาท
ทั้งนี้ ตนก็ได้โอนเงินให้ยืมบ่อย ๆ ครั้ง ยอดของการยืมก็มากขึ้นเรื่อย ๆ บางครั้งก็มีการคืนบ้าง สาเหตุที่ยอดมากขึ้น เพราะทนายอ้างว่าจะได้คืนทีเดียว รวม ๆ แล้วก็ประมาณ 35,000 บาท ตนเหลือหลักฐานเป็นสลิปเงินที่โอนไปให้จำนวน 20,000 บาท ซึ่งโอนไปเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 60 เวลา 19.45 น. เมื่อตนทวงถามเงินคืนกลับถูกบ่ายเบี่ยง อ้างว่าเช็คเด้ง ศาลยังไม่ให้เงิน ตนพยายามทวงมาครึ่งปี จนสุดท้ายติดต่อไม่ได้ ไลน์ถูกบล็อก เบอร์ติดต่อไม่ได้ เฟซบุ๊กก็ไม่มี ตนจึงได้ติดต่อไปยังสภาทนายความจังหวัดอุดรธานี เพื่อขอเบอร์ติดต่อหรือที่อยู่ เเต่สภามนายความ กลับบอกว่าไม่มีเบอร์ทนายคนดังกล่าว เพราะไม่ได้เป็นทนาย เเต่เเอบอ้าง
หลังจากนั้น ตนจึงได้ไปเเจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองอุดรธานี ตำรวจเเละธนาคารก็พยายามช่วยเต็มที่ เเต่เรื่องก็ยังคงเงียบมานานถึง 5 ปี กระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ตนเห็นข่าวในโซเชียลฯ ว่าทนายครดังกล่าวรับทำคดีให้กับเเม่ของพี่เเตงโม ทำให้ตนรู้สึกตกใจเเละจำได้เเม่น จึงเริ่มหาทางติดต่อสำนักข่าวต่าง ๆ ให้ช่วยเหลือ เพื่อทวงความยุติธรรมให่ตนเเละผู้เสียหายรายอื่น ๆ ตนอยากจะให้เขารับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะตนเชื่อว่าไม่ใช่มีเเค่ผู้เสียหายรายเดียว เเต่ยังมีอีกว่า 20 ราย
นอกจากนี้ หลังจากกระแสข่าวเผยแพร่ออกไป ตนก็ได้ติดต่อไปยังตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อขอใบเเจ้งความที่ตนเคยเเจ้งไว้เพื่อนำมายืนยันว่าตนไม่ได้เเต่งเรื่อง สาเหตุที่ตนติดต่อสื่อมวลชนเพราะเชื่อว่ามีคนแก่ที่ตกเป็นผู้เสียหายเช่นกัน เเละอาจไม่ทราบข่าวในโลกโซเชียลฯ จึงอยากให้สื่อมวลชนช่วย ตนได้รับการติดต่อจากทนายคนดังกล่าวเพื่อขอเจรจาไกล่เกลี่ยในรายการทีวี 2 รายการ เเต่ยังไม่ยืนยัน ส่วนเรื่องเงินที่ยืมเขาบอกว่าจะคืนให้ เเต่เป็นการผ่อนชำระ เพราะคืนทีเดียวไม่ไหว ส่วนสาเหตุที่ทนายคนดังกล่าวหายไป เเละไม่คืนเงิน เขาอ้างในรายการหนึ่งว่า “ติดต่อเจ้าหนี้ไม่ได้” ตนก็ค่อนข้างรู้สึกง ๆ เล็กน้อย เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตนพยายามติดต่อเขาเสมอ ๆ
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพบกับ นายจตุพงษ์ ปัญญาสวัสดิ์ ผู้เสียหายอีกราย ที่เคยถูกนายกฤษณะ หลอกหลวงเอาเงินไปจำนวนเกือบ 60,000 บาท จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้คืนสักบาท โดยนายจตุพงษ์ กล่าวให้ฟังว่า ในวันที่ 1 สิงหาคม 60 นายกฤษณะ เข้ามายืมเงินกับตนอ้างว่าจะนำไปรักษาลูกนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะขาดเงินอยู่ 4,000 บาท ลูกอาการไม่ดีแล้ว หากพาไปโรงพยาบาลอื่นคงจะไม่ทัน เพราะลูกอาจจะตายก่อน นายกฤษณะ ได้ให้คำมั่นสัญญาว่า จะได้เงินจากลูกความ และจะมีเงินที่ได้จากบัตรเครดิต แล้วจะนำเงินมาใช้คืนทั้งหมด โดยมีการนัดทำสัญญากันวันต่อมา ตนก็ยังบอกนายกฤษณะว่า “ให้รีบไปดูลูกก่อน เรื่องเงินค่อยว่ากันทีหลัง” นายกฤษณะ ตอบกลับมาว่า “ถ้าลูกหายดีแล้วจะพาลูกมาขอบคุณ” ตอนนั้นตนดีใจมากที่ได้ช่วยเหลือชีวิตคน
แต่จากนั้น เมื่อถึงวันทำสัญญากู้ยืมเงิน อีกฝ่ายนำเอกสารมาให้เซ็นลงวันที่เป็นวันที่ 1 ซึ่งเป็นวันที่ที่เขาเข้ามายืมเงิน แต่ไม่ยอมลงเป็นวันที่ 2 วันที่ทำสัญญา อ้างว่าจะได้ตรงกับวันที่เอาเงินไป ซึ่งตนมารู้ทีหลังจากตำรวจว่า เป็นช่องทางกฎหมายในการโกงเงินและเอาผิดยากขึ้น นอกจากนี้ ในสัญญายังจงใจเขียนชื่อผิด จากนายจตุพงษ์ เป็น นายจตุรงค์ ขณะนั้นตนยอมรับไม่ทันอ่านให้ดี คิดว่าอีกฝ่ายรู้ข้อกฎหมายเป็นอย่างดี ทำให้ไม่สามารถแจ้งตำรวจจับได้ ต้องใช้วิธีการฟ้องต่อศาล ซึ่งไม่คุ้มค่าติดตามและเสียเวลาทำมาหากินมาก ๆ
"หลังเกิดเหตุผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร พยายามทวงถามไปหลายรอบ แต่ก็ไม่มีการตอบกลับมา ปิดเครื่องหนีหาย และมารู้ความจริงว่า นายกฤษณะ ไม่ใช่ทนายความ แต่เป็นเพียงผู้ช่วยทนายความในตอนนั้น และคน ๆ นี้มีประวัติเรื่องยืมเงินแล้วหายไม่จ่ายด้วย และส่วนใหญ่ที่ถูกหลอกก็จะถูกนายกฤษณะ อ้างว่าลูกไม่สบาย พ่อขับรถไปชนคน ต้องเอาเงินไปจ่ายที่โรงพักบ้าง ทำให้ผมตาสว่าง และอยากออกมาแฉ เพราะกลัวว่าจะไปหลอกแม่คุณแตงโม ทำคดีใหญ่ครั้งนี้เสียหายไปอีกครับ" นายจตุพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย
อย่างไรก็ตาม นายจตุพงษ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมผ่านรายการทุบโต๊ะข่าว อมรินทร์ ทีวี 34 กล่าวว่า ในใจลึก ๆ ของตนคิดว่าเขาไม่ใช่คนตรงไปตรงมา แล้วยิ่งเขาไปทำคดีใหญ่แบบนี้ ตนไม่คิดว่าจะได้ความจริงใจและตรงไปตรงมา เพราะช่วงที่รู้จักกันใหม่ ๆ เขาเข้ามาทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้าน ก่อนจะแนะนำตัวเองว่าเป็นทนายความ ซึ่งลูกของตนก็เรียนโรงเรียนเดียวกับลูกของเขา ตนก็เห็นครอบครัวของเขา ไม่คิดว่าเขาจะเอาชีวิตลูกมาหากินแบบนี้ หลังจากยืมเงินเขาก็ยื่นข้อเสนอว่า เพื่อความสบายใจจะทำสัญญากู้ยืมเงิน ตนก็ไม่ได้หวังอะไร ตนก็เซ็นในสัญญา ส่วนแฟนของตนก็เซ็นเป็นพยาน เพราะเงินที่ตนให้ยืมทั้งหมดเป็นเงินของภรรยาด้วย เนื่องจากขณะนั้นเงินในบัญชีของตนมีจำนวนไม่พอ
"ผมเจอกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยว เขาก็แสดงตัวว่าเป็นทนายความ ตอนนี้ก็ติดต่อไม่ได้ ผมตามหาเหมือนวัวหาย และต้องทำมาหากินมันก็ลำบาก กล้องที่ร้านวันที่เขาเข้ามายืมเงินจะไม่เห็นว่าเขาร้องไห้นะครับ เพราะถ่ายติดแค่ด้านหลัง ภาพนี้เป็นภาพที่เขามาขอเงินผม ตอนบ่าย ๆ เข้ามาก็บอกว่าอยากให้ชวยหน่อย ลูกไม่สบายติดเชื้อในกระแสเลือดอยู่ที่โรงพยาบาล" นายจตุพงษ์ กล่าว
ด้านทนายกฤษณะ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการทุบโต๊ะข่าว อมรินทร์ ทีวี 34 เปิดเผยว่า "ผมต้องกราบขอโทษ และยินดีที่จะชดใช้ แต่ตอนนั้นมันมีวิกฤตจริง ๆ แล้วผมใช้คำพูดโกหกเพื่อขอเงินเอาไปชำระหนี้อีกเจ้า เพราะกลัวการข่มขู่และทำร้ายร่างกาย ไม่สามารถอธิบายได้ทั้งหมด ผมยินดีให้เบอร์โทรจะได้ประสานเพื่อชดใช้เงินให้ครับ ผมเป็นทนายได้ 2 ปี ตอนนี้ก็สามารถที่จะชำระหนี้ได้แล้ว แต่ขอแบ่งจ่าย 3 งวดได้ไหมครับ ผมก็มีตัวตนปรากฏในสื่อแล้ว และขอให้พิธีกรเป็นพยานให้ด้วยว่า ผมจะชำระงวดทุกวันที่ 1 ของทุกเดือน หากบิดพลิ้วอีกสามรถดำเนินคดีผมได้ทันที ส่วนกรณีเคสน้องนักเรียนก็เคลียร์กันจบแล้ว หากผมไม่ชำระหนี สื่อทุกสื่อเล่นงานผมได้เลย แจ้งข้อหาปิดบังฉ้อโกงได้เลย เพราะผมพร้อมจะชดใช้ได้แล้วตอนนี้"
นายจตุพงษ์ กล่าวด้วยว่า "พี่ครับก๋วยเตี๋ยวชามละ 40 กว่าบาท กว่าจะขายได้ 56,000 บาท ผมต้องขายได้กี่ชาม พี่มาหากินแบบนี้มันโอเคไหม พี่จะชดใช้ผมอย่างไร ด้วยวิธีไหน จะเจอหน้ากันเมื่อไร ผมจะเอาอะไรไปทำร้าย เอาตะเกียบแทงเขาตายหรือไง"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สายลึกลับโทรฯ แนะ ทนายกฤษณะ ดูแผลที่ศีรษะ แตงโม คล้ายถูกขวดไวน์ตี
- ทนายตั้ม โพสต์คลิป หลักฐานสำคัญชิ้นใหม่ ช่วยกันดูเกิดอะไรขึ้นบนเรือ?
- ชาย อานันท์ทวีป เผยจุดสำคัญอีกหนึ่งจุด กุญแจที่ช่วยไขปริศนาคดี แตงโม นิดา