ทนายรณณรงค์ พาพี่ชายผู้เสียหายร้อง ผบช.น. รถเมล์กระชากล้มอัมพาตทั้งตัว

24 ก.พ. 65

ทนายรณณรงค์ พาพี่ชายผู้เสียหายร้อง ผบช.น. รถเมล์ กระชากล้มอัมพาตทั้งตัว ผ่านไป 1 ปี คดียังไม่คืบ ไม่สอบปากคำผู้เสียหาย จนบางข้อหาขาดอายุความ

นายพิรุฬ อัศว์กาญจน์วัฒน์ อายุ 68  ปี พร้อมนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมถึงพลตำรวจโทสำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้เร่งรัดติดตามคดีของน้องชาย คือ นายอวยชัย มานะสินเพิ่มพูน อายุ 65 ปี ที่ประสบอุบัติเหตุขณะกำลังก้าวขึ้นบันไดรถประจำทางสาย 501 แต่รถออกตัวกะทันหัน ทำให้เสียหลัก ล้มฟาดราวบันไดจนกระดูกสันหลังกระแทก จนเป็นเหตุทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง

เหตุเกิดที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าแมคโคร สาขามีนบุรี เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2564 แต่ผ่านมา 1 คดีไม่คืบหน้า ไม่มีการสอบปากคำผู้เสียหาย จนบางข้อหาที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.จราจรทางบกขาดอายุความไป

พี่ชายของผู้เสียหายระบุว่า น้องชายประกอบธุรกิจส่วนตัวทำเฟอร์นิเจอร์และสินค้าเกี่ยวกับอลูมิเนียม หลังน้องชายประสบอุบัติเหตุ ก็กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ธุรกิจก็ต้องปิดตัวลง และตนเองก็ต้องมาคอยดูแลตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เพราะน้องชายไม่ได้มีครอบครัว โดยตนเองได้ไปติดตามความคืบหน้าคดีกับตำรวจ สน.บางชัน ไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง เพื่อขอให้ไปสอบปากคำน้องชายที่บ้าน เนื่องจากน้องชายป่วยติดเตียง ไม่สามารถเดินทางไปให้ปากคำด้วยตนเองได้ แต่พนักงานสอบสวนกลับปฏิเสธ ไม่ได้รับการเหลียวแล อ้างว่ารอให้ผู้เสียหายหายดีก่อน

ส่วนเงินชดเชย ปัจจุบันได้เฉพาะเงินค่าสินไหมทดแทนจาก พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ เพียง 4 หมื่นกว่าบาท ยังเหลือค่าสินไหมจากประกันวินาศภัยรถยนต์ที่ทราบว่ามีวงเงินประมาณ 1 ล้านบาท ที่ยื่นไปแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการดำเนินการใดๆ และไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว นอกจากนี้ยังได้ยื่นฟ้ององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. , คนขับรถ และบริษัทประกันภัยในคดีแพ่งด้วย เรียกค่าสินไหมทดแทนกว่า 3 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการไต่สวน

ด้านนายรณณรงค์ ระบุว่า คดีนี้ ขสมก. และคนขับรถ ยอมรับว่าเป็นความประมาทของตนเอง แต่ตำรวจกลับยังไม่มีการดำเนินการใดๆ แม้กระทั่งการสอบปากคำผู้เสียหาย จนทำให้ความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.จราจรทางบก ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุความ 1 ปี ได้ขาดอายุความลง เหลือเพียงข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสเท่านั้น ทั้งนี้ ขสมก. ซึ่งเป็นนายจ้าง ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย เบื้องต้นจึงพาพี่ชายผู้เสียหายมาร้องทุกข์ ขอให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเปลี่ยนพนักงานสอบสวนที่ทำคดีล่าช้า และให้ลงโทษทางวินัยกับพนักงานสอบสวนนายดังกล่าว

เบื้องต้น ตำรวจเวรอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้รับเรื่องไว้และจะเสนอผู้บัญชาการตำรวจนครบาลพิจารณาดำเนินการต่อไป

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส